งานสัมมนา THAILAND–AUSTRALIA GENOME EDITING INNOVATION FORUM “STRENGTHENING FRONTIER RESEARCH COLLABORATION FOR SUSTAINABLE AGRICULTURE”
วันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2568 นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นประธานกล่าวเปิดงานสัมมนา THAILAND–AUSTRALIA GENOME EDITING INNOVATION FORUM “STRENGTHENING FRONTIER RESEARCH COLLABORATION FOR SUSTAINABLE AGRICULTURE” ณ ห้องประชุมคณะวิทยาศาสตร์ ชั้น 6 อาคารศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ 60 พรรษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ในการกล่าวเปิดงาน อธิบดีกรมวิชาการเกษตรได้ย้ำถึงความสำคัญของ พืชปรับแต่งจีโนมที่ไม่ใช่พืชดัดแปลงพันธุกรรม ว่าเป็นการตัดหรือใส่ยีนโดยไม่ข้ามสายพันธุ์เกินกว่าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ จึงมีความปลอดภัย และถือเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่จะช่วยให้การเกษตรของไทยสามารถเผชิญกับวิกฤติสิ่งแวดล้อมและศัตรูพืชอุบัติใหม่ได้ โดยเริ่มต้นจากการขับเคลื่อนพืชเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ มะละกอ มะเขือเทศ ถั่วเหลือง ข้าวโพด เพื่อการบริโภค และธัญพืชเพื่ออาหารสัตว์ ตามนโยบาย Ignite Thailand ที่ได้รับการผลักดันโดย ท่านธรรมมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
การสัมมนาครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา กล่าวถึงความสำคัญของความร่วมมือด้านเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม และ รศ.ดร.วันชัย ปลื้มภาณุภัทร คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเครือข่ายนักวิจัย ร่วมพัฒนานวัตกรรมเกษตร การกำกับดูแลด้านเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนม และสนับสนุนความมั่นคงทางอาหารในอนาคต
ภายในงานยังได้รับเกียรติจากวิทยากรระดับชาติและนานาชาติ อาทิ Assoc. Prof. Monika S. Dublin, Dr. Allen Wen, Dr. Jimmy Botella, Dr. Florence Daniela, Assoc. Prof. Stuart Roy, Dr. Steven Halsey และ Ms. Anchan Sanguansin
นอกจากนี้ นางปิยรัตน์ ธรรมกิจวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ ได้นำเสนอ ภาพรวมความก้าวหน้าการวิจัยและโอกาสของภาคเกษตรกรรมไทย ขณะเดียวกัน รศ.ดร.ศุภชัย วุฒิพงศ์ชัยกิจ และ ดร.ชาลินี คงสวัสดิ์ ได้บรรยายถึง ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม มุมมองด้านกฎระเบียบ และนวัตกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนเกษตรกรรมโลก
การสัมมนาครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมอย่างคับคั่ง ทั้งอาจารย์ ข้าราชการ และนักวิจัยจากภาครัฐและเอกชน สะท้อนถึงพลังความร่วมมือด้านการวิจัยและนวัตกรรมเกษตร นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเกษตรกรรมไทยสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน









