กรมวิชาการเกษตรร่วมเสวนาใหญ่สมาคมเทคโนโลยีชีวภาพสัมพันธ์ ปี 2568ตอกย้ำนโยบายรองนายกรัฐมนตรี–รมว.เกษตร ผลักดัน Gene Editing เดินหน้าขับเคลื่อนงานวิจัยสู่การปฏิบัติจริง
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 สมาคมเทคโนโลยีชีวภาพสัมพันธ์จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 พร้อมจัดเวทีเสวนาวิชาการหัวข้อ “จากนโยบายสู่การปฏิบัติ และประโยชน์ที่จะได้รับจากเทคโนโลยี Genome Editing (GEd)” ณ ห้องรวยสุข โรงแรมมารวย การ์เด้น กรุงเทพมหานคร เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่และทิศทางการกำกับดูแลสิ่งมีชีวิตดัดแปลงจีโนมของประเทศ โดยมีผู้แทนจากสถาบันวิชาการ หน่วยงานรัฐ และภาคธุรกิจเข้าร่วมอย่างคับคั่ง
การเสวนาครั้งนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นเวทีที่เชื่อมโยงผลลัพธ์ของนโยบายระดับประเทศด้าน Genome Editing ซึ่งผลักดันโดย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้ประกาศให้ เทคโนโลยี Gene Editing เป็น “วาระแห่งชาติ” เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 โดยมุ่งยกระดับการผลิตทางการเกษตรของไทยด้วยองค์ความรู้ด้านพันธุศาสตร์สมัยใหม่ เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และสร้างความมั่นคงทางอาหารในระยะยาว
ภายในงาน อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ ได้มอบหมายให้ ดร.ปิยรัตน์ ธรรมกิจวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ เข้าร่วมเป็นวิทยากร นำเสนอภาพรวมความก้าวหน้าของประเทศไทยด้านนโยบาย การกำกับดูแล และการวิจัยเทคโนโลยี Genome Editing ในพืชและจุลินทรีย์ ซึ่งกรมวิชาการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านนี้
ดร.ปิยรัตน์ได้นำเสนอ ภายหลังประกาศนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปลายปี 2566 รัฐบาลได้ขับเคลื่อนสู่การจัดทำกฎหมายและระเบียบรองรับเทคโนโลยี Genome Editing โดยในวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 ได้มีการออกประกาศรับรองสิ่งมีชีวิตจากเทคโนโลยี Gene Editing อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกของประเทศไทยต่อเนื่องด้วยประกาศ “หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับรองสิ่งมีชีวิตจาก Genome Editing” ของหน่วยงานกำกับดูแลครอบคลุมทั้งพืช สัตว์ และสัตว์น้ำ ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร (9 สิงหาคม 2567) กรมปศุสัตว์ (29 ตุลาคม 2567) กรมประมง (14 กุมภาพันธ์ 2568) ถือเป็นครั้งแรกในภูมิภาคที่ประเทศมีระบบกำกับดูแล GEd ครบวงจรในทุกมิติของภาคเกษตร สอดคล้องกับมาตรฐานของสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสหภาพยุโรป กรมวิชาการเกษตรตั้งเป้าหมายชัดเจนว่า ปี 2569 จะเป็น “ปีแห่งการลงแปลงทดสอบสายพันธุ์จาก Gene Editing”เริ่มต้นด้วย มะละกอต้านทานโรคจุดวงแหวน มะเขือเทศ ฟ้าทะลายโจรที่มีสารสำคัญสูง ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ไทยมีนวัตกรรมพันธุ์พืชที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีระดับโลก โดยขับเคลื่อนจากนักวิจัยไทยเพื่อเกษตรกรไทยโดยเฉพาะ
การเสวนาวิชาการครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มีการบูรณาการองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญหลายสาขาเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาเข้าร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล ได้แก่ รศ.ดร.ศุภชัย วุฒิพงศ์ชัยกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดร.วีระศักดิ์ พิทักษ์ศฤงคาร กรมวิชาการเกษตร นายคงภพ อำพลศักดิ์ กรมประมง นายกมล ฉวีวรรณ กรมปศุสัตว์ ศ.นพ.วรศักดิ์ โชติเลอศักดิ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจาก นางสาวชิดชนก เกษี นักวิเคราะห์อาวุโส 1 จากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) มาบรรยายถึงมุมมองเชิงนโยบายด้านการสนับสนุนทุนวิจัย แนวทางการจัดทำข้อเสนอวิจัย และโอกาสในการผลักดันงาน GEd สู่งานวิจัยระดับประเทศ ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากนักวิจัยและผู้เข้าร่วมประชุมอย่างยิ่ง
การบูรณาการผู้เชี่ยวชาญจากภาคการเกษตร ปศุสัตว์ ประมง และการแพทย์ ตลอดจนหน่วยงานสนับสนุนทุนวิจัย ทำให้เวทีครั้งนี้ถูกยกให้เป็นหนึ่งใน งานเสวนา Genome Editing ที่มีความสมบูรณ์ ครอบคลุม และลึกซึ้งที่สุดของปี 2568 นำเสนอองค์ความรู้ตั้งแต่งานวิจัยพื้นฐาน กรอบกำกับดูแลเชิงนโยบาย ไปจนถึงการประยุกต์ใช้ในภาคการเกษตร อุตสาหกรรมชีวภาพ และการแพทย์สมัยใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในการขับเคลื่อนเทคโนโลยี GEd อย่างรอบด้านและมีความรับผิดชอบ
การเสวนาวิชาการครั้งนี้สะท้อนอย่างชัดเจนว่า นโยบายของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้ถูกขับเคลื่อนจนเกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรมในระดับประเทศ ทั้งด้านกฎหมาย กรอบกำกับดูแล การวิจัยร่วมประเทศ และการสื่อสารสาธารณะ กรมวิชาการเกษตรย้ำว่า การขับเคลื่อนเทคโนโลยี Gene Editing จะเป็น“จุดเปลี่ยนสำคัญของเกษตรกรรมไทย ทำให้เกษตรกรเข้าถึงพันธุ์สมัยใหม่ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และแข่งขันได้อย่างมั่นคงในตลาดโลก”









