ผลการดำเนินงาน ปีงบประมาณ 2563
ผลการดำเนินงาน ปีงบประมาณ 2564
ผลการดำเนินงาน ปีงบประมาณ 2565
ผลการดำเนินงาน ปีงบประมาณ 2566
ผลการดำเนินงาน ปีงบประมาณ 2563
ผลการดำเนินงาน ปีงบประมาณ 2564
ผลการดำเนินงาน ปีงบประมาณ 2565
ผลการดำเนินงาน ปีงบประมาณ 2566
ผลการดำเนินงาน ปีงบประมาณ 2563
ผลการดำเนินงาน ปีงบประมาณ 2566
ผลการดำเนินงาน ปีงบประมาณ 2567
การดำเนินงาน ปีงบประมาณ 2568
ในปีงบประมาณ 2568 กรมส่งเสริมการเกษตร มีนโยบายขับเคลื่อนโครงการ 1 แปลง 1 สินค้า เกษตรมูลค่าสูง จึงมีความสนใจในเทคโนโลยีและกระบวนการผลิต “ปุ๋บชีวภาพอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซา” และ “ปุ๋ยชีวภาพละลายฟอสเฟต” ของกรมวิชาการเกษตร เพื่อนำไปขยายผลให้กับเกษตรกรและให้เกิดผลสำเร็จของการขับเคลื่อนการดำเนินงานไปสู่เป้าหมาย จึงได้มีการประชุมหารือแนวทางการขยายผลเทคโนโลยีกระบวนการผลิตปุ๋บชีวภาพอาร์บัสคูลาร์ไมคอร์ไรซา และ ปุ๋ยชีวภาพละลายฟอสเฟต เพื่อไปปรับใช้อย่างเหมาะสมก่อนการขยายผลสู่เกษตรกร โดยมีแนวทางการดำเนินงานร่วมกันระหว่าง กรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร ดังนี้
สภาหอการค้าแห้งประเทศไทย สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย สมาคมมะพร้าวน้ำหอมไทย ตัวแทนล้งมะพร้าว (บริษัท P.Y.Thai Fruit และบริษัท ICOCO) กรมส่งเสริมการเกษตร และผู้แทนกรมวชิาการเกษตร ร่วมกันลงพื้น อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ปรึกษาแลกเปลี่ยนประเด็นปัญหาและสถานการณ์การผลิตมะพร้าวน้ำหอม พบว่าเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป สภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบต่อการปลูกมะพร้าวน้ำหอม จึงทำให้ความชื้นสัมพันธ์ในแปลงต่ำส่งผลต่อผลผลิตของมะพร้าวลดลง อีกทั้งสภาพแวดล้อมที่แปรปรวนยังกระตุ้นการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืชต่าง ๆ ตลอดจนปัจจัยอื่น จึงร่วมกันวิเคราะห์และได้ข้อสรุปประเด็นปัญหา ดังต่อไปนี้
จากประเด็นดังกล่าว กรมวิชาการเกษตร ได้สนับสนุนข้อมูลองค์ความรู้ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้เกษตรกรสามารถรับมือวิกฤตการณ์และผลิตได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม โดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้จัดอบรม “การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการผลิตมะพร้าวน้ำหอมอย่างยั่งยืน” เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลแพงพวย อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี โดยมีเกษตรผู้ปลูกมะพร้าวน้ำหอม และผู้ประกอบการ เข้าร่วม จำนวน 30 ราย โดยมีเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตร เป็นผู้บรรยายในการอบรม หัวข้อบรรยาย ดังนี้
จากการอบรมดังกล่าว เกษตรกรได้รับความรู้และได้แลกเปลี่ยนข้อมูลการผลิตมะพร้ามน้ำหอมเนื่องจากเกษตรกรที่เข้าร่วมอบรมเป็นกลุ่มเกษตรกรยุคใหม่ จึงมีความสนใจที่จะใช้ความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อช่วยลดต้นทุนและผลิตได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และก้าวมันความเปลี่ยนแปลง นำไปสู่การปฏิบัติจริงในกาารนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ เพื่อทำให้รายได้เพิ่มขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพและมาตรฐานการผลิต และเชื่อมโยงตลาด
พระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ.2564 (Thailand Research and Innovation Utilization Promotion Act หรือ TRIUP ACT) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้รับทุนหรือนักวิจัยที่ได้รับทุนจากหน่วยงานภาครัฐสามารถมีสิทธิ์เป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรมได้ อันจะเป็นการส่งเสริมการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการต่อยอด การวิจัย และต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม รวมถึงสร้างแรงจูงใจให้มีการวิจัยและสร้างนวัตกรรมภายในประเทศเพิ่มขึ้น นั้น
กรมวิชาการเกษตร เป็นผู้แทนหรือหน่วยงานผู้รับทุนวิจัยจากหน่วยงานภายนอก ซึ่ง พ.ร.บ. TRIUP ACT ได้บังคบใช้กับทุนวิจัยจากหน่วยงานของรัฐ โดยมีแหล่งทุน 9 PMU ดังนี้
1. สำนักงำนกำรวิจัยแห่งชำติ (วช.)
2. สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.)
3. สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.)
4. สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)
5. หน่วยงานบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)
6. หน่วยบริหำรและจัดการรทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษาการวิจัยและสร้างนวัตกรรม (บพค.)
7. หน่วยบริหารจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย (บพข.)
8. ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ ศลช. (TCELS)
9. สถาบันวัคซีนแห่งชาติ (์NVI)
ณ ปัจจุบัน กรมวิชาการเกษตร ได้ลงนามในสัญญาเป็นผู้รับทุนวิจัยจากหน่วยงานภายนอก 9 PMU ดังนี้
1. สำนักงำนกำรวิจัยแห่งชำติ (วช.)
2. สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.)
3. หน่วยงานบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)
และเมื่อได้รับทุนวิจัยไปแล้ว กรมวิชาการเกษตร ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. TRIUP ACT ในฐานะ ผู้รับทุน ซึ่ง “ผู้รับทุน” หมายถึง บุคคลธรรมดา คณะบุคคล หรือ นิติบุคคลซึ่งเป็นคู่สัญญากับผู้ให้ทุนในสัญญาให้ทุน
ซึ่ง สกสว.ได้ออกคู่มือปฏิบัติ TRIUP ACT สำหรับผู้รับทุน ดังภาพ
ซึ่งการที่จะขอรับทุนวิจัยได้ต้องมีผู้เขียนโครงการวิจัย หรือ “นักวิจัย” หมายถึง นักวิจัยที่ปฏิบัติงานภายใต้กรมวิชาการเกษตร เป็นผู้ประดิษฐ์หรือผู้สร้างสรรค์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งผู้รับทุนระบุว่า เป็นนักวิจัยในการเปิดเผยผลงานวิจัยและนวัตกรรม และให้หมายความรวมถึงหัวหน้าโครงการวิจัยและผู้ซึ่งผู้รับทุนระบุว่า เป็นผู้ช่วยนักวิจัยซึ่งร่วมประดิษฐ์หรือร่วมสร้างสรรค์ผลงาานนั้นด้วย
ซึ่ง สกสว. ได้ออกคู่มือปฏิบัติ TRIUP ACT สำหรับนักวิจัย ดังภาพ
และเมื่อทุนวิจัยที่ได้รับครบอายุสัญญาหรืองานวิจัยเสร็จสิ้น “หัวหน้าโครงการและนักวิจัย” ต้องสมัครเข้าใช้งานระบบ TRIUP ทุนท่าน ได้ที่ https://triup.tsri.or.th/siteregister เพื่อให้หัวหน้าโครงการวิจัย รายงานขอค้นพบใหม่ รายงายเปิดเผยผลงานและนวัตกรรม แจ้งความประสงค์ขอเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรม และเสนอแผนและกลไกการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อรายงานต่อ “ผู้รับทุน” (กรมวิชาการเกษตร) เพื่อ “ผู้รับทุน” จะรายงานให้ “ผู้ให้ทุน” พิจารณาอนุมัติต่อไป โดยกองแผนงานและวิชาการ เป็นผู้แทนกรมวิชาการเกษตร ในการรายงานผ่านระบบสารสนเทศ TRIUP และเมื่อน “ผู้ให้ทุน” อนุมัติให้ความเป็นเจ้าของผลงานงานวิจัยแก่ “ผู้รับทุน” (กรมวิชาการเกษตร) แล้ว “หัวหน้าโครงการ” ต้องรายงานผลการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม เป็นระยะเวลา 3 ปี
หมายเหตุ : หลักจากวันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย หรือครบกำหนดระยะเวลาตามสัญญา ผู้รับทุนต้องจัดทำรายงานการเปิดเผยผลงาวิจัยและนวัตกรรมยื่นเสนอต่อผู้ให้ทุน ภายใน 90 วัน หากไม่ดำเนินการตามระยะเวลาที่กำหนด ผู้รับทุนตะเสียสิทธิในการแจ้งขอความเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรมของโครงการวิจัย โดยสิทธิตกเป็นของผู้ให้ทุนโดยทันที
กองแผนงานและวิชาการ ได้สรุปขั้นตอนการดำเนินการไว้ ดังนี้
หัวหน้าโครงการวิจัยและนักวิจัย สามารถ Download แบบฟอร์ม รายงานขอค้นพบใหม่ รายงายเปิดเผยผลงานและนวัตกรรม การแจ้งความประสงค์ขอเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรม การเสนอแผนและกลไกการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม และคู่มือการใช้งานระบบสารรสนเทศ Triup ของ สกสว. ได้ดังนี้
ข้อค้นพบหรือผลที่เกิดขึ้นจากการวิจัยหรือสร้างนวัตกรรม โดยการค้นคว้า การทดลอง การสำรวจหรือการศึกษา รวมถึงองค์ความรู้ การประดิษฐ์ กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ กระบวนการบริการ หรือการจัดการในรูปแบบใหม่ซึ่งเป็นข้อค้นพบใหม่หรือพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญและนำไปใช้ประโยชน์ได้
โครงการวิจัยที่เป็นไปตาม พ.ร.บ. TRIUP ACT เมื่อพบข้อค้นพบใหม่จะต้องรายงานข้อค้นพบใหม่ รวมถึงจัดทำแผนการใช้ประโยชน์ในระบบ เพื่อขอสิทธิความเป็นเจ้าของจากแหล่งทุนก่อน จึงจะสามารถดำเนินการยื่นขอรับความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาได้
แผนการใช้ประโยชน์ แบ่งออกเป็น 4 ด้าน
หมาบเหตุ : นักวิจัยจะต้องระบุแผนที่จะดำเนินการรายปี เป็นระยะเวลา 3 ปี และต้องรายงานการใช้ประโยชน์ในทุก ๆ ปี