กรมวิชาการเกษตรเดินหน้า 4 โครงการเร่งด่วนสำคัญ ปลดล็อกปัญหาศัตรูพืชเศรษฐกิจ ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และผลักดันการส่งออก

กรมวิชาการเกษตรเดินหน้า 4 โครงการเร่งด่วนสำคัญ ปลดล็อกปัญหาศัตรูพืชเศรษฐกิจ ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และผลักดันการส่งออก

วันที่ 19 สิงหาคม 2568 นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารการดำเนินงานวิจัยด้านการเกษตร ครั้งที่ 2/2568 ณ ห้องประชุม ชั้น 2 สำนักงานอธิบดีกรมวิชาการเกษตร อนุมัติงานวิจัยด้านการเกษตรที่เร่งด่วนสำคัญ ประจำปี 2568 จำนวน 4 โครงการ :

  1. โครงการวิจัยการพัฒนาเทคโนโลยีแบบผสมผสานเพื่อการป้องกันกำจัดโรคกรีนนิ่งในส้มเปลือกล่อน เพื่อลดการใช้ยาต้านจุลชีพในสวนส้มเปลือกล่อน มุ่งเป้าลดการใช้ยาต้านจุลชีพร้อยละ 25 ช่วยเกษตรกรลดต้นทุนกว่า 300 ล้านบาทต่อปี เพิ่มศักยภาพการส่งออก และลดความเสี่ยงสินค้าถูกตีกลับจากประเทศคู่ค้า
  2. โครงการขยายผลเทคโนโลยีการตรวจรับรองแปลงส้มโอปลอดโรคแคงเกอร์เพื่อการส่งออก ในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง มุ่งเป้ายกระดับคุณภาพผลผลิต เกษตรกรมีรายได้เพิ่มไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 คิดเป็นมูลค่ากว่า 500,000 บาท และสร้างโอกาสแข่งขันในตลาดโลก
  3. โครงการทดสอบประสิทธิภาพของชีวภัณฑ์แบคทีเรีย บาซิลลัส ซับทิลิส DOA 24 (BS-DOA 24) ในการควบคุมโรคใบร่วงยางพารา มุ่งเป้าลดความเสียหายระบบการผลิต ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตน้ำยางต่อไร่ รักษาเสถียรภาพรายได้เกษตรกร และลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจระยะยาว
  4. โครงการศึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบใบทะเบียน ใบอนุญาตและใบรับรองแบบอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้กฎหมายการกำกับดูแลของกรมวิชาการเกษตรและการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านระบบ National Single Window : NSW รองรับการนำเข้า–ส่งออกสินค้าเกษตร เสริมความเชื่อมั่นด้านคุณภาพและความปลอดภัย เพิ่มมูลค่าและเพิ่มโอกาสทางการค้าและการส่งออก

อีกทั้งยังได้อนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายเงินรายได้จากการดำเนินงานวิจัยด้านการเกษตร ประจำปี 2569 เพื่อใช้ในการวิจัยต่อยอดและขยายผล แก้ไขปัญหาเร่งด่วน เสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานด้านการเกษตรให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง จุดประกายเกษตรไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก พร้อมยกระดับรายได้เกษตรกรและเปิดโอกาสสู่ตลาดใหม่ ภายใต้แนวทาง ‘ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้’ ผลักดันเป้าหมายการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน