วันที่ 5 กันยายน 2568 นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นประธานเปิดโครงการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ “งานมหกรรมพืชสวนโลก จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569” พร้อมงานเสวนาสรุปความก้าวหน้าการเตรียมการจัดงาน
     ในการนี้ได้รับเกียรติจาก นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยนายณฐพล วิถี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นำเสนอความพร้อมและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในพื้นที่ในการเตรียมการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก จังหวัดอุดรธานี ณ ห้องประชุมฟ้าหลวง โรงแรมนภาลัย จังหวัดอุดรธานี ภายในงานมีนายศราวุธ เพชรพนมพร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยอัยการจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ และประธานหอการค้าจังหวัดอุดรธานี นอกจากนี้ยังมีข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้แทนบริษัทเกษมดีซายน์ แอนด์ คอนซัลแทนท์ จำกัด ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง และสมาชิกสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรด้านการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดอุดรธานี เข้าร่วมงาน
     นอกจากนี้นางสาวกาญจนา  ทองนะ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพืชสวน นางวิไลวรรณ  ทวิชศรี ผู้อำนวยการกลุ่มวิชาการ และผู้อำนวยการศูนย์เครือข่าย เข้าร่วมงานในครั้งนี้ด้วย 
     การจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกครั้งนี้นับเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยและจังหวัดอุดรธานี ในการก้าวสู่เวทีโลก ภายใต้แนวคิด “Diversity of Life – ความหลากหลายแห่งสรรพชีวิต” ที่มุ่งเผยแพร่ศักยภาพด้านการเกษตร พืชสวน และวัฒนธรรมไทย พร้อมทั้งส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน วัตถุประสงค์หลักของการจัดงานในครั้งนี้แบ่งออกเป็น 5 หัวข้อหลัก ๆ ได้แก่  
     1. แสดงศักยภาพด้านการเกษตรและพืชสวนของไทย และสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน  
     2. ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดอุดรธานีและภูมิภาคอีสาน  
     3. สร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ตรงกันในสังคมเกี่ยวกับงานมหกรรมพืชสวนโลก  
     4. ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรนานาชาติ 
     5. กระตุ้นการมีส่วนร่วมของชุมชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรท้องถิ่น 
     กรมวิชาการเกษตรยังเน้นย้ำการมีส่วนร่วมของชุมชนผ่านกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว การจัดการขยะอย่างเป็นระบบ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและสังคมของท้องถิ่น 
     “งานมหกรรมพืชสวนโลก จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569” จึงไม่ใช่เพียงงานแสดงพืชสวน แต่เป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนศักยภาพเกษตรและพืชสวนไทยสู่สายตานานาชาติ และเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน