ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการขับเคลื่อนนโยบาย ระหว่างกรมวิชาการเกษตร การยางแห่งประเทศไทย และชุดเฉพาะกิจพญานาคราช โดยมี นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พันเอกรวีรักษ์ สัตตบุศย์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจพญานาคราช นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ รักษาการอธิบดีกรมศุลกากร นายโกสน บุญคง รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้มุ่งเน้นการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญภายใต้นโยบายเร่งด่วน (Quick Win) ตามที่ได้มอบนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2568 ณ กรมชลประทาน สามเสน ที่ผ่านมา ได้แก่ 1) การแก้ปัญหาปากท้องเร่งด่วน ได้แก่ แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และปราบปรามสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย (สินค้าเถื่อน) อย่างเข้มงวด เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าในประเทศ และ 3 สร้าง (นโยบายเร่งด่วนระยะแรก) ได้แก่ สร้างรายได้ สร้างตลาด และสร้างโอกาส พร้อมทั้งสานต่อนโยบายเดิมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าเรื่องสำคัญต่าง ๆ ตามนโยบาย อาทิเช่น 1) การขนส่งยางพาราผ่านแดน โดยได้ออกมาตรการคุมเข้ม กำหนดให้การผ่านแดน ต้นทาง ต้องมีการตรวจสอบใบขนสินค้า บรรจุยางในตู้คอนเทนเนอร์เท่านั้น ติดสัญญาณ จีพีเอส เพื่อจับพิกัดรถไม่ให้วิ่งออกนอกเส้นทาง ตรวจสอบคุณภาพและรับรองชนิดยาง เอกซเรย์ก่อนปล่อยตู้ โดยดำเนินการตรวจร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร กรมวิชาการเกษตร การยางแห่งประเทศไทย และมีการล๊อคซีลตู้ร่วมกันก่อนตรวจปล่อย เมื่อถึงปลายทางถ้าซีลที่ล๊อคอยู่ในสภาพสมบูรณ์ให้มีการเอกซเรย์อีกครั้งถ้าไม่พบสิ่งผิดปกติให้ตรวจปล่อย เพื่อป้องกันปัญหายางขนส่งไม่ถึงปลายทางและลักลอบนำมาขายในประเทศ ซึ่งคาดว่ามาตรการนี้หากมียางพาราผ่านแดนจำนวน 1.2 แสนตัน สามารถสร้างรายได้กว่า 60 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะมีการนำร่องในพื้นที่ 2 จังหวัดได้แก่ จังหวัดระนอง และจังหวัดตาก 2) การกำหนดเขตควบคุมการขนย้ายยางพารา 5 จังหวัดตามแนวตะเข็บชายแดน ได้แก่ จ.ตาก กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง และเชียงราย ที่มีการลักลอบนำเข้ายางพาราโดยผิดกฎหมาย ยางสวมสิทธิ์ โดยลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ หรือด่านประเพณี โดยใช้กลไกของกฎหมายตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ.2542 เรื่องการอนุญาตนำยางผ่าน ออก หรือเข้ามาในเขตพื้นที่ควบคุม เพื่อตรวจสอบที่มาของผลผลิตว่าเป็นยางที่ปลูกในประเทศไทย เป็นการแก้ปัญหายางเถื่อน และรักษาเสถียรภาพราคายางในประเทศ พร้อมสร้างการรับรู้แก่เกษตรกรในเรื่องการขออนุญาต 3) มาตรการควบคุมโรคใบร่วงในแปลงขยายพันธุ์ยาง โดยกรมวิชาการเกษตรได้อนุมัติโครงการทดสอบชีวภัณฑ์เพื่อป้องกันกำจัดโรคใบร่วงยางพารา โดยมีแผนการทดสอบ และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกษตรกรในพื้นที่ ซึ่งเป็นการป้องกันโรค ปลอดภัยต่อผู้ใช้ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมผลักดันพันธุ์ยางดีให้เป็นทางเลือกแก่เกษตรกร และยกระดับผลผลิตยางของประเทศ 4) ขอความร่วมมือชะลอการนำเข้าน้ำยางข้นที่มีคุณภาพเทียบเท่าและเป็นไปตามมาตรฐานยางที่ประเทศไทยสามารถผลิตได้เข้ามาในราชอาณาจักรไทย ด้วยสถานการณ์ราคายางตกต่ำส่งผลทำให้เกษตรกรชาวสวนยางได้รับความเดือดร้อน ซึ่งปัจจุบันกรมวิชาการเกษตรไม่มีการอนุญาต เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางในประเทศให้มีความมั่นคง และ 5) ผลการจับกุมยางเถื่อน ที่จังหวัดระนอง น้ำหนักกว่า 2,610 กิโลกรัม มูลค่า 160,000 บาท ที่เป็นการยืนยันความเอาจริงเอาจังของกระทรวงเกษตรฯ ในการปราบปรามการลักลอบนำเข้ายางผิดกฎหมาย

ขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร ได้มีการดำเนินการสำรวจ ควบคุมโรคใบร่วงในแปลงขยายพันธุ์ต้นยางต้นยางเพื่อการค้า อีกทั้งได้มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลทางด้านวิชาการ การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ และการตรวจสอบแปลงขยายพันธุ์ต้นยาง ซึ่งได้มีการบูรณาการร่วมกับการยางแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้มีการทบทวนแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมา โดยได้มีการนำข้อดีและข้อเสียมาปรับปรุงผลการดำเนินงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวว่า ขอให้เกษตรกรและผู้ประกอบการเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยจะมีการตั้งจุดตรวจการนำยางพาราผ่านแดน และเขตควบคุมการขนย้ายยาง ร่วมกับทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ ทั้งนี้หากมีการพบเบาะแสผู้กระทำความผิดโทรแจ้งได้ที่สายด่วนกรมวิชาการเกษตร โทร.1174

ท้ายนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการมอบหมายหน่วยงานให้มีการบูรณาการในการดำเนินการตามขั้นตอน และขอความร่วมมือกับกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการปฏิบัติงานร่วมกัน ทั้งนี้ท่านรองนายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้ายว่า “ยุคผมต้องไม่มีสินค้าเกษตรเถื่อนในประเทศไทย