เกี่ยวกับการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่
1. พืชที่ขอยื่นจดทะเบียนคุ้มครองเป็นพันธุ์พืชใหม่มีกี่ชนิด อะไรบ้าง
          ตอบ  พืชที่รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกาศให้เป็นพืชใหม่ และรับความคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ได้ มี 107 ชนิด ได้แก่
| ลำดับ | ชื่อไทย | ชื่อตามประกาศ | 
| 1 | กระเจี๊ยบเขียว | กระเจี๊ยบเขียว [Abelmoschus esculentus (L.) Moench] | 
| 2 | กระถินณรงค์ | กระถินณรงค์ (Acacia auriculiformis A. Cunn.ex Benth.) | 
| 3 | กระท่อม | กระท่อม (Mitragyna speciosa Korth.) | 
| 4 | กล้วย | กล้วย (Musa spp.) | 
| 5 | กล้วยไม้สกุลแคทลียา | กล้วยไม้สกุลแคทลียา (Cattleya Lindl.) และลูกผสม | 
| 6 | กล้วยไม้สกุลซิมบิเดียม | กล้วยไม้สกุลซิมบีเดียม (Cymbidium Sw.) | 
| 7 | กล้วยไม้สกุลซิมบิเดียม | กล้วยไม้สกุลซิมบิเดียม (Cymbidium Sw.) และลูกผสม | 
| 8 | กล้วยไม้สกุลฟาแลนอปซีส | กล้วยไม้สกุลฟาแลนนอปซีส (Phalaenopsis Blume.) และลูกผสม | 
| 9 | กล้วยไม้สกุลรองเท้านารี | กล้วยไม้สกุลรองเท้านารี (Paphiopedilum Pfitzer) | 
| 10 | กล้วยไม้สกุลแวนด้า | กล้วยไม้สกุลแวนด้า (Vanda spp. และลูกผสม) | 
| 11 | กล้วยไม้สกุลหวาย | กล้วยไม้สกุลหวาย | 
| 12 | กะเพรา | กะเพรา (Ocimum tenuiflorum L.) | 
| 13 | กะหล่ำปลี | กะหล่ำปลี (Brassica oleracea L. Capitata Group) | 
| 14 | กัญชง, กัญชา (พืชสกุลแคน นาบิส) | พืชสกุลแคนนาบิส (Cannabis L.) | 
| 15 | กาแฟ | พืชสกุลกาแฟ (Coffea L.) | 
| 16 | กุหลาบ | พืชสกุลกุหลาบ (Rosa L.) | 
| 17 | แก้วกาญจนา | แก้วกาญจนา (Aglaonema spp.) | 
| 18 | โกโก้ | โกโก้ (Theobroma cacao L.) และลูกผสม | 
| 19 | ขนุน | ขนุน (Artocarpus heterophyllus Lam.) | 
| 20 | ข้าว | ข้าว | 
| 21 | ข้าวโพด | ข้าวโพด | 
| 22 | แขม | พืชสกุลแขม (Tripidium H.Scholz) และลูกผสม | 
| 23 | งา | งา (Sesamum indicum L.) | 
| 24 | เงาะ | เงาะ | 
| 25 | ชมพู่ | ชมพู่ [Syzygium samarangense (Blume) Merr. & L. M. Perry] | 
| 26 | ชวนชม | ชวนชม (Adenium spp.) | 
| 27 | ชายผ้าสีดา | พืชสกุลชายผ้าสีดา (Platycerium Desv.) | 
| 28 | ดาวเรือง | พืชสกุลดาวเรือง (Tagetes L.) | 
| 29 | เดป | พืชสกุลเดป (Dischidia R. Br.) | 
| 30 | แตงกวาและแตงร้าน | แตงกวาและแตงร้าน | 
| 31 | แตงเทศ | แตงเทศผิวเรียบ และแตงเทศลายนูน (Cucumis melo L. cv. Cantaloupensis and Cucumis melo L. cv. Reticulatus) และลูกผสม | 
| 32 | แตงโม | แตงโม | 
| 33 | ถั่วเขียว | ถั่วเขียว | 
| 34 | ถั่วเขียว | ถั่วแขก (Phaseolus vulgaris L.) | 
| 35 | ถั่วฝักยาว | ถั่วฝักยาว | 
| 36 | ถั่วลิสง | ถั่วลิสง (Arachis hypogaea L.) | 
| 37 | ถั่วเหลือง | ถั่วเหลือง | 
| 38 | ทุเรียน | ทุเรียน | 
| 39 | น้อยหน่า | น้อยหน่า (Annona squamosa L. และลูกผสม) | 
| 40 | บวบเหลี่ยม | บวบเหลี่ยม (Luffa acutangula (L.) Roxb.) | 
| 41 | บอนสี | บอนสี (Caladium bicolor Vent.) | 
| 42 | บัว | บัว | 
| 43 | บัวบก | บัวบก [Centella asiatica (L.) Urb.] | 
| 44 | บานชื่น | บานชื่น (Zinnia L.) | 
| 45 | เบญจมาศ | เบญจมาศ (Chrysanthemum morifolium Ramat.) | 
| 46 | ปาล์มน้ำมัน | ปาล์มน้ำมัน | 
| 47 | โป๊ยเซียน | โป๊ยเซียน | 
| 48 | ผักกาดกวางตุ้ง | ผักกาดกวางตุ้ง | 
| 49 | ผักกาดหอม | ผักกาดหอม (Lactuca sativa L.) | 
| 50 | ผักกาดหัว | ผักกาดหัว [Raphanus raphanistrum subsp. sativus (L.) Domin] | 
| 51 | ผักคะน้า | ผักคะน้า | 
| 52 | ผักบุ้ง | ผักบุ้งจีน | 
| 53 | ไผ่ | ไผ่ (Poaceae: Bambusoideae) | 
| 54 | ฝรั่ง | ฝรั่ง (Psidium spp.) | 
| 55 | ฝ้าย | ฝ้าย (Gossypium hirsutum L.) | 
| 56 | ฝ้าย (พืชสกุลฝ้าย) | พืชสกุลฝ้าย (Gossypium L.) | 
| 57 | พริก | พริกเผ็ด และพริกยักษ์ หรือพริกหวาน | 
| 58 | พุทธรักษา | พืชสกุลพุทธรักษา (Canna L.) | 
| 59 | เพาโลว์เนีย | เพาโลว์เนีย (Paulownia elongata S.Y.Hu) | 
| 60 | ฟัก/แฟง | ฟัก/แฟง | 
| 61 | ฟักทอง | ฟักทอง (Cucurbita moschata Duchesne) และลูกผสม | 
| 62 | มะขาม | มะขาม | 
| 63 | มะเขือ | มะเขือ (Solanum melongena L.) | 
| 64 | มะเขือเทศ | มะเขือเทศ | 
| 65 | มะนาวไทย | มะนาวไทย (Citrus aurantifolia (Christm.) Swingle และลูกผสม | 
| 66 | มะปราง | กลุ่มมะปราง (Bouea spp.) | 
| 67 | มะพร้าว | มะพร้าว (Cocos nucifera L.) | 
| 68 | มะเฟือง | มะเฟือง (Averrhoa carambola L.) | 
| 69 | มะม่วง | มะม่วง | 
| 70 | มะระ | มะระ | 
| 71 | มะละกอ | มะละกอ | 
| 72 | มันเทศ | มันเทศ [Ipomoea batatas (L.) Lam.] | 
| 73 | มันฝรั่ง | มันฝรั่ง (Solanum tuberosum L.) | 
| 74 | มันสำปะหลัง | มันสำปะหลัง | 
| 75 | ไม้ดอกสกุลขมิ้น | ไม้ดอกสกุลขมิ้น (Curcuma spp.) | 
| 76 | ยางพารา | ยางพารา (Hevea brasiliensis (Willd. ex A. Juss.) Mull. Arg.) | 
| 77 | ยาสูบ | พืชสกุลยาสูบ (Nicotiana L.) | 
| 78 | ยูคาลิปตัส | ยูคาลิปตัส | 
| 79 | ยูโฟรเบีย (พืชสกุลยูโฟรเบีย) | พืชสกุลยูโฟรเบีย (Euphorbia L.) | 
| 80 | ลั่นทม | ลั่นทม (Plumeria spp.) | 
| 81 | ลำไย | ลำไย | 
| 82 | ลิ้นจี่ | ลิ้นจี่ | 
| 83 | ลิ้นมังกร | พืชสกุลลิ้นมังกร (Sansevieria Thunb.) | 
| 84 | ว่านสี่ทิศ | พืชสกุลว่านสี่ทิศ (Hippeastrum Herb.) | 
| 85 | สตรอว์เบอร์รี | สตรอว์เบอร์รี (Fragaria x ananassa (Duchesne ex Weston) Duchesne ex Rozier) | 
| 86 | ส้มเขียวหวาน | ส้มเขียวหวาน (Citrus reticulata Blanco และลูกผสม) | 
| 87 | ส้มเช้ง | ส้มเช้ง [Citrus sinensis (L.) Osbeck] และลูกผสม | 
| 88 | ส้มโอ | ส้มโอ | 
| 89 | สัก | สัก (Tectona grandis L. f.) | 
| 90 | สับปะรด | สับปะรด (Ananas comosus (L.) Merr.) | 
| 91 | หญ้านวลน้อย | พืชสกุลหญ้านวลน้อย (Zoysia Willd.) | 
| 92 | หญ้าเนเปียร์ | หญ้าเนเปียร์ (Pennisetum purpureum Schumach.) และลูกผสม | 
| 93 | หญ้าแฝก | หญ้าแฝก | 
| 94 | หญ้ารูซี่ | หญ้ารูซี่ (Brachiaria ruziziensis R. Germ. & C. M. Evrard) และลูกผสม | 
| 95 | หน้าวัว | พืชสกุลหน้าวัว (Anthurium Schott) | 
| 96 | หม้อข้าวหม้อแกงลิง | พืชสกุลหม้อข้าวหม้อแกงลิง (Nepenthes L.) | 
| 97 | หม่อน | หม่อน (Morus alba L.) | 
| 98 | หม่อน (พืชสกุลหม่อน ) | พืชสกุลหม่อน (Morus L.) | 
| 99 | หยก | หยก | 
| 100 | หอมแดง | หอมแดง (Allium ascalonicum L.) | 
| 101 | เห็ด สกุลเห็ดร่างแห | เห็ด สกุลเห็ดร่างแห (Phallus Junius ex L.) | 
| 102 | เห็ดถั่งเช่าสีทอง | เห็ดถั่งเช่าสีทอง [Cordyceps militaris (L.) Fr.] | 
| 103 | อะเคเซีย | พืชให้เนื้อไม้ในสกุลอะเคเซีย (Acacia auriculiformis A. Cunn. ex Benth., A. mangium Willd., A. aulacocarpa A. Cunn. ex Benth. and A. crassicarpa A. Cunn. ex Benth.) และลูกผสม | 
| 104 | อ้อย | อ้อย | 
| 105 | อ้อยักษ์ | อ้อยักษ์ (Arundo donax L.) | 
| 106 | อะโวคาโด | อะโวคาโด (Persea americana Mill.) | 
| 107 | อินทผลัม | อินทผลัม (Phoenix dactylifera L.) | 
2. พันธุ์พืชใหม่แต่ละชนิดมีอายุคุ้มครองกี่ปี
      ตอบ      อายุการคุ้มครอง แบ่งเป็น
– พืชที่ให้ผลผลิตตามลักษณะประจำพันธุ์ได้หลังจากปลูกจากส่วนขยายพันธุ์ภายในเวลา 2 ปี ให้มีอายุ 12 ปี      – พืชที่ให้ผลผลิตตามลักษณะประจำพันธุ์ได้หลังจากปลูกจากส่วนขยายพันธุ์ในเวลาเกินกว่า 2 ปี ให้มีอายุ 17 ปี
– พืชที่ให้ผลผลิตตามลักษณะประจำพันธุ์ได้หลังจากปลูกจากส่วนขยายพันธุ์ในเวลาเกินกว่า 2 ปี ให้มีอายุ 27 ปี
3. หากต้องการยื่นขอจดทะเบียนคุ้มครองพันธุ์พืช/ชนิดพืชที่ยังไม่ประกาศเป็นพืชใหม่ จะต้องทำอย่างไร ใช้เวลานานเท่าใด
      ตอบ    ให้ทำหนังสือแจ้งกรมวิชาการเกษตร เพื่อขอให้ประกาศพืชชนิดนั้นเป็นพืชใหม่  โดยกรมวิชาการเกษตรจะมอบหมายให้สำนักคุ้มครองพันธุ์พืชดำเนินการเสนอพืชใหม่ ต่อคณะอนุกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช เพื่อพิจารณา และเสนอคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช เพื่อให้รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ประกาศเป็นพืชใหม่ต่อไป
4. พันธุ์พืชที่จะขอยื่นจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ ต้องไม่มีการขาย จำหน่าย จ่ายแจกส่วนขยายพันธุ์ เกินหนึ่งปีหมายความว่าอย่างไร
     ตอบ     พันธุ์พืชที่จะขอจดทะเบียนคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ ตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 ต้องเป็นพืชที่ไม่มีการนำส่วนขยายพันธุ์มาใช้ประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นการขายหรือจำหน่ายด้วยประการใด ทั้งในหรือนอกราชอาณาจักรโดยนักปรับปรุงพันธุ์ หรือด้วยความยินยอมของนักปรับปรุงพันธุ์เกินกว่าหนึ่งปีก่อนวันยื่นขอจดทะเบียน
5. การยื่นขอจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ต้อง ปฏิบัติตาม มาตรา 52 และมาตรา 53 หรือไม่ และต้องปฏิบัติอย่างไร
    ตอบ      มาตรา 52 เป็นการดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปและพันธุ์พืชป่า ในส่วนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในทางการค้า ตามกฎกระทรวง ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาตเก็บ จัดหา หรือรวบรวมพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปหรือพันธุ์พืชป่า เพื่อการปรับปรุงพันธุ์ ศึกษา ทดลอง หรือวิจัยเพื่อประโยชน์ในทางการค้า และการทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ พ.ศ. 2553 ซึ่งกำหนดให้ ผู้ใดเก็บ จัดหา หรือรวบรวมพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไป พันธุ์พืชป่า หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของพันธุ์พืชดังกล่าว เพื่อการปรับปรุงพันธุ์ ศึกษา ทดลอง หรือวิจัยเพื่อประโยชน์ในทางการค้า จะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ โดยนำเงินรายได้ตามข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ส่งเข้ากองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช          มาตรา 53 เป็นการดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปและพันธุ์พืชป่า ในส่วนที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในทางการค้า ตามระเบียบคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืชว่าด้วย การศึกษา ทดลองหรือวิจัย พันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปและพันธุ์พืชป่า ที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ทางการค้า พ.ศ. 2547 ซึ่งกำหนดให้ ผู้ใดทำการศึกษา ทดลองหรือวิจัย พันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปและพันธุ์พืชป่า หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของพืชดังกล่าว โดยมิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ทางการค้าให้แจ้งเป็นหนังสือตามแบบที่กำหนดต่ออธิบดีกรมวิชาการเกษตร เมื่อตรวจสอบเอกสารแล้ว พบว่า ถูกต้อง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีหนังสือแจ้งการรับทราบ (แบบตอบรับการแจ้ง) ต่อผู้แจ้ง โดยที่ผู้แจ้งจะต้องไม่ส่งมอบพันธุ์พืชดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่น และเมื่อสิ้นสุดการศึกษา ทดลองหรือวิจัย ผู้แจ้งอาจส่งผลการศึกษา ทดลอง หรือวิจัยนั้น ให้แก่กรมวิชาการเกษตร เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชนต่อไป
การยื่นจดทะเบียนพันธุ์พืชใหม่ ตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 ต้องตรวจสอบว่า ในขั้นตอนการปรับปรุงพันธุ์ นั้น นักปรับปรุงพันธุ์ได้ใช้ประโยชน์จากพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไป หรือพันธุ์พืชป่าหรือไม่ หากเป็นการใช้ประโยชน์เพื่อการค้าก็ต้องมายื่นอนุญาตฯ ตามมาตรา 52 และจัดทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ แต่หากไม่มีประโยชน์ทางการค้า ขอให้แจ้งตามมาตรา 53 เท่านั้น
เกี่ยวกับการพิพิธภัณฑ์พืชกรุงเทพ
1. การทำหนังสือเพื่อขออนุญาตเข้าใช้บริการพิพิธภัณฑ์พืชกรุงเทพ ต้องทำหนังสือเรียนถึงใคร
    ตอบ   พิพิธภัณฑ์พืชกรุงเทพ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร การทำหนังสือเพื่อขออนุญาตใดใด จึงให้ส่งไปยัง ผู้อำนวยการสำนักคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร   ที่อยู่ สำนักคุ้มครองพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร 50 ถ.พหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพ 10900   ทั้งนี้ทั้งนั้น มีมติให้หัวหน้ากลุ่มวิจัยพฤกษศาสตร์และพิพิธภัณฑ์พืช เป็นภัณฑารักษ์โดยตำแหน่ง สามารถสั่งการและวินิจฉัยการให้บริการของพิพิธภัณฑ์พืชได้ ดังนั้น จึงอนุโลมให้สามารถทำหนังสือเพื่อขออนุญาตเข้าใช้พิพิธภัณฑ์พืชกรุงเทพ เรียนมายัง ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยพฤกษศาสตร์และพิพิธภัณฑ์พืช สำนักคุ้มครองพันธุ์พืช ได้อีกช่องทางหนึ่ง  โดยแจ้งความประสงค์ กลุ่มพืชที่ขอเข้าศึกษา ระยะเวลา รายละเอียดชื่อและจำนวนผู้ขอเข้าหอพรรณไม้ ตามแบบฟอร์มที่ ……..และกรุณาอ่านระเบียบการใช้บริการพิพิธภัณฑ์พืชกรุงเทพได้ที่
2. ต้องการส่งตัวอย่างพรรณไม้เพื่อใช้เป็นตัวอย่างพรรณไม้อ้างอิงงานวิจัย (voucher specimens) หรือเพื่อขอหมายเลขอ้างอิงงานวิจัย จะต้องเตรียมตัวอย่างพรรณไม้อย่างไร
     ตอบ   ตัวอย่างที่จะส่งมาขอหมายเลขอ้างอิงงานวิจัยจะต้องเป็นตัวอย่างที่ประกอบด้วยกิ่งที่มีใบสมบูรณ์ มีดอกและ/หรือผลที่สมบูรณ์ โดยจัดและตัดแต่งตัวอย่างลงในกระดาษหนังสือพิมพ์ มีขนาดกว้าง-ยาว ไม่เกิน 25 x 42 ซม. และเห็นส่วนต่างๆ ชัดเจน ได้แก่ ใบทั้งด้านหน้าและหลัง ดอก-ผล ที่ไม่ถูกส่วนอื่นปิดบัง และจะต้องจัดทำแผ่นบันทึกข้อมูลภาคสนามขนาดประมาณ 11 x 15 ซม. โดยระบุรายละเอียดดังนี้ ชื่อวงศ์พืช (family) ชื่อวิทยาศาสตร์ (botanical name) ชื่อพื้นเมือง (local name) วัน เดือน ปี ที่เก็บ (date/month/year) สถานที่เก็บ (locality) ถิ่นที่อยู่ (habitat) บันทึกข้อมูล (notes) ลักษณะต่างๆ ของพืชที่ไม่สามารถเห็นได้เมื่อตัวอย่างแห้ง เช่น ความสูงทั้งต้น เปลือก น้ำยาง กลิ่น สีของดอกและผล เป็นต้น ชื่อและหมายเลขผู้เก็บ (collector name, collector number) และระบุว่าเป็น voucher specimen ของการวิจัยเรื่องใด
3. ตัวอย่างพรรณไม้ในหอพรรณไม้ มาจากไหน ใครเป็นคนรวบรวม
ตอบ   ตัวอย่างพรรณไม้ในหอพรรณไม้ส่วนใหญ่เก็บโดยนักวิชาการของสำนักงานหอพรรณไม้ โดยจะสำรวจและเก็บตัวอย่างพรรณไม้จากพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อนำมาจัดเก็บตามขั้นตอน โดยแบ่งเป็น
1. ตัวอย่างพรรณไม้ที่ได้จากการออกสำรวจและเก็บตามกลุ่มพืชที่ผู้เก็บสนใจศึกษาเป็นหลัก เพื่อเป็นตัวอย่างพรรณไม้อ้างอิง และใช้ในการเทียบเคียงตัวอย่างพรรณไม้สำหรับการศึกษาวิจัยด้านอนุกรมวิธานพืช
2. ตัวอย่างพรรณไม้ที่เก็บตามโครงการศึกษาวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพืช เช่นนิเวศวิทยา
3. ตัวอย่างพรรณไม้ที่ได้รับมาจากหน่วยงานอื่นทั้งภายในและต่างประเทศ หรือ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เก็บมาให้ตรวจวิเคราะห์ วิธีการเก็บตัวอย่างพรรณไม้สามารถทำได้ดังนี้
- เก็บตัวอย่างโดยเก็บจากกิ่งที่มีใบ ดอก หรือผล และอาจเห็นระยะต่าง ๆ เช่น ใบอ่อน-ใบแก่ ดอกตูม-ดอกบาน ผลอ่อน-ผลแก่ จำนวนตามความเหมาะสม แล้วแต่กรณี
- บันทึกรายละเอียดต่างๆ ของพรรณไม้ ดังนี้ วัน เดือน ปี ที่เก็บ สถานที่เก็บ ถิ่นที่อยู่ บันทึกข้อมูล ลักษณะต่างๆ ของพืชที่ไม่สามารถเห็นได้เมื่อตัวอย่างแห้ง เช่น ความสูงทั้งต้น เปลือก น้ำยาง กลิ่น สีของดอกและผล เป็นต้น ชื่อและหมายเลขผู้เก็บ
- ตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ได้ขนาดตามต้องการ โดยขนาดไม่ควรเกินครึ่งหนึ่งของหนังสือพิมพ์หน้าเดียว
- อัดตัวอย่างพรรณไม้ลงในกระดาษหนังสือพิมพ์ ให้เห็นส่วนประกอบต่าง ๆ ชัดเจน เห็นการเรียงตัวของใบ และใบควรมีทั้งใบคว่ำและหงาย ถ้ามีขนาดใหญ่เกินให้หักพับได้ ระหว่างกระดาษหนังสือพิมพ์ให้สอดกระดาษลูกฟูกคั่นไว้ นำไปใส่แผงอัด รัดให้แน่น
- นำแผงอัดตัวอย่างพรรณไม้ที่ได้ไปเข้าตู้อบหรือถ้าเป็นตัวอย่างบาง ๆ อาจใช้วิธีการตากแดดจนตัวอย่างพรรณไม้แห้งสนิท ถ้าต้องการเก็บตัวอย่างพรรณไม้นั้นไว้นาน ๆ ให้นำตัวอย่างที่ได้ไปอาบน้ำยาเพื่อป้องกันแมลงต่อไป
4. กระดาษที่หอพรรณไม้ใช้เย็บตัวอย่างพรรณไม้แห้งมีขนาด และความหนาเท่าใด
     ตอบ   ขนาดกว้าง 26.2 เซนติเมตร ยาว 44.3 เซนติเมตร ความหนา 300 แกรม

