จากนโยบายของศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมุ่ง“ส่งเสริมและสนับสนุนด้านการเกษตร” เพื่อยกระดับรายได้ของเกษตรกร สร้างโอกาสให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้แนวคิด “เกษตรกรต้องอยู่ดี สินค้าเกษตรมูลค่าสูง ทรัพยากรเกษตรยั่งยืน” กรมวิชาการเกษตร ซึ่งมีภารกิจหลักวิจัย ปรับปรุง และขยายพันธุ์พืช เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่ที่ตอบสนองต่อความต้องการของเกษตรกรและผู้บริโภคได้ประสบความสําเร็จในการปรับปรุงพันธุ์ “สับปะรด กวก. เพชรบุรี 3”นับเป็นอีกก้าวสําคัญของการเกษตรไทยที่มุ่งเน้นการพัฒนาพืชผลที่สามารถเพิ่มผลผลิตได้สูงและรสชาติดีเนื่องจากสับปะรดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สําคัญของไทยอีกชนิดหนึ่ง ในปี 2566 การส่งออกสับปะรดผลสดมีมูลค่าสูงถึง 913 ล้านบาท มีการขยายตัวมากถึง 299 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2564 ที่มีมูลค่าการส่งออกเพียง 229 ล้านบาท โดยมีจีนเป็นตลาดหลักในการส่งออกมีส่วนแบ่งการตลาด 86เปอร์เซ็นต์ประเทศไทยจึงเป็นแหล่งปลูกสับปะรดที่สําคัญของโลก (สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2565ก) และเป็นผลไม้ที่มีความสําคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศเนื่องจากเป็นผลไม้ที่เป็นวัตถุดิบสําคัญในอุตสาหกรรมผลไม้แปรรูปของไทย สร้างรายได้ให้ประเทศไม่น้อยกว่าหมื่นล้านบาทต่อปี ส่วนใหญ่ส่งออกเป็นสับปะรดกระป๋อง และน้ําสับปะรด ปี พ.ศ. 2564 พื้นที่ปลูกสับปะรดทั้งประเทศ 465,000 ไร่ และพื้นที่เก็บเกี่ยว 459,000 ไร่(สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร, 2566)ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี กรมวิชาการเกษตร ได้รับการวิจัยและปรับปรุงพันธุ์สับปะรดพันธุ์ กวก. เพชรบุรี 3 ตั้งแต่ปี 2539-2566 เป็นสับปะรดลูกผสมสายพันธุ์ SPPV#51 ได้มาจากการคัดเลือกลูกผสมระหว่างสับปะรดพันธุ์สิงคโปร์ปัตตาเวียและปัตตาเวีย จนได้ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีลักษณะเด่นตามที่ต้องการ คือ ให้ผลผลิต 7.20 ตัน/ไร่ สูงกว่าพันธุ์ตราดสีทองซึ่งเป็นพันธุ์เปรียบเทียบ 33 เปอร์เซ็นต์ลักษณะผลใหญ่ ให้ปริมาณวิตามินซีสูงถึง 30.03 มิลลิกรัม/100 มิลลิลิตร สูงกว่าพันธุ์ตราดสีทอง 23เปอร์เซ็นต์ เนื้อแน่นนุ่ม จึงได้พันธุ์ที่เหมาะสมต่อสภาพภูมิอากาศและดินในประเทศไทย อีกทั้งยังสามารถทนทานต่อโรคยอดเน่าและโรครากเน่า ซึ่งเป็นปัญหาสําคัญที่มักพบในการเพาะปลูกสับปะรดทั่วไป ที่สําคัญสับปะรดพันธุ์กวก. เพชรบุรี 3 ช่วยลดการใช้สารเคมีในการดูแลทําให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดต้นทุนในการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชขอนแก่น มีภารกิจและประสบการณ์ในการศึกษาวิจัย ผลิตและขยายพันธุ์พืชโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช และมีการนําเทคโนโลยีการขยายพันธุ์พืชโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในระบบไบโอรีแอคเตอร์แบบจมชั่วคราว มาใช้ในการผลิตพันธุ์พืชเศรษฐกิจ ได้แก่ อ้อยโรงงาน อ้อยคั้นน้ํา อ้อยพลังงาน ปทุมมา กล้วย ขิง กระชายดํา และสับปะรด เป็นต้น ซึ่งในปี 2566 ได้ดําเนินงานโครงการการผลิตหน่อพันธุ์สับปะรด กวก.เพชรบุรี 2“ จํานวน 70,000 ต้น ซึ่งเป็นโครงการวิจัยที่ได้รับงบประมาณจากเงินอุดหนุนคงเหลือจากการดําเนินงานพร้อมดอกเบี้ยและผลประโยชน์ในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของหน่วยรับงบประมาณ งบประมาณทุนสนับสนุนงานมูลฐาน (Fundamental Fund : FF) ปี พ.ศ.2565-2566 จากกองทุนส่งเสริมคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม และในปี 2568 ได้ผลิตต้นพันธุ์สับปะรด กวก.เพชรบุรีj3 จํานวน 21,750 ต้น ต้น ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพกระบวนการผลิตสินค้าเกษตรเพื่อผลิตต้นพันธุ์สับปะรดสําหรับจัดทําแปลงพันธุ์เพื่อผลิตหน่อพันธุ์กระจายพันธุ์ดีสู่เกษตรกรและกลุ่มเป้าหมายต่อไปศูนย์วิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชขอนแก่น เล็งเห็นถึงความสําคัญในถ่ายทอดเทคโนโลยีการขยายพันธุ์พืชโดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อแบบครบวงจรในเชิงอุตสาหกรรม หลักสูตร“การผลิตต้นสับปะรดพันธุ์ กวก.เพชรบุรี 3 โดยเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ” ให้แก่บุคลากรทางวิชาการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ฝึกปฏิบัติในขั้นตอนต่างๆ จนเกิดทักษะ ความชํานาญและเสริมสร้างประสบการณ์ เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างวิทยากรและผู้เข้ารับการอบรม
