กรมวิชาการเกษตร ร่วมทีมพญานาคราชลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรีจับกุมลักลอบจำหน่ายวัตถุอันตรายทางการเกษตร ยึดของกลางมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท

ประชาสัมพันธ์

นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ตามที่ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายประกาศสงครามกับสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย โดยให้กรมวิชาการเกษตร ร่วมกับ หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช หน่วยงานความมั่นคง ปราบปรามปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่ผิดกฎหมาย ซึ่งได้กำชับมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรและสารวัตรเกษตร ตรวจตราร้านค้าปัจจัยการผลิตทางการเกษตรอย่างเข้มงวด หากพบผู้กระทำความผิดให้ดำเนินการ
ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

นายชัยศักดิ์ รินเกลื่อน ผู้อำนวยการสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร ได้รายงานตามข้อสั่งการ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ว่า ได้ร่วมทีมปฏิบัติการชุดเฉพาะกิจพญานาคราช นำโดยพันเอก รวิรักษ์ สัตตบุศย์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจพญานาคราชฯ พร้อมด้วย สอบสวนกลาง CIB ร่วมกับ กอ.รมน. สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จังหวัดจันทบุรี และเจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรของสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร ลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ครอบครองวัตถุอันตรายในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ในเบื้องต้น พบการครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้ขึ้นทะเบียน ซึ่งเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตรายฯ จึงได้ดำเนินการตรวจค้นและยึดไว้เป็นของกลางเพื่อดำเนินคดีจากสถานประกอบการในพื้นที่ 4 ตำบล ของอำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ได้แก่ ตำบลทุ่งขนาน ตำบลปะตง ตำบลทับช้าง และตำบลสะตอน จำนวน 4 ร้านค้า โดยได้ตรวจพบ สารกำจัดแมลงเมโทมิลและอะซิเฟต ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 รวม 3 ตัน มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ซึ่งของกลางทั้งหมดที่ตรวจยึดและอายัดได้เก็บรักษาไว้ที่สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จังหวัดจันทบุรี เพื่อเตรียมการนำส่งตัวอย่างตรวจสอบคุณภาพที่ห้องปฏิบัติการกองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กรมวิชาการเกษตร และได้ดำเนินการแจ้งความเอาผิดลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป

“ภารกิจในการเฝ้าระวังและควบคุมการผลิต การจำหน่าย และการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตรให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อคุ้มครองเกษตรกร ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม โดยกรณีนี้เป็นการกระทำความผิดฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 ดำเนินการติดตามผลและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปอย่างเคร่งครัด” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว