1. Home
  2. »
  3. ข่าวผู้บริหาร
  4. »
  5. กรมวิชาการเกษตร จับมือ CSAM เดินหน้าโครงการนำร่องใ…

กรมวิชาการเกษตร จับมือ CSAM เดินหน้าโครงการนำร่องใช้เครื่องจักรกลเกษตร ลดการเผาฟางข้าวและใบอ้อยอย่างยั่งยืน ขับเคลื่อนนโยบายลดฝุ่น PM 2.5

นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งขับเคลื่อนการเกษตรเพื่อแก้ปัญหา PM 2.5 อย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้น “ไม่เผาพืชทางการเกษตร และไม่รับซื้อหรือไม่นำเข้าสินค้าที่ผ่านการเผา” ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยแนวทางการจัดการเศษพืชที่ยั่งยืน โดยใช้เครื่องจักรกลเกษตรมาทดแทนการเผา ช่วยลดมลพิษ เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน และสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่เกษตรกร

ในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ดร.ภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เป็นประธานเปิดการสัมมนาเริ่มต้นโครงการฯ ณ ห้องประชุม Venus 1 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรระหว่างประเทศ และชุมชนในพื้นที่นำร่องเข้าร่วมกว่า 60 คน

รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า โครงการนี้มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการจัดการวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เช่น ฟางข้าวและใบอ้อย ด้วยแนวทางที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษและสอดคล้องกับหลักเกษตรกรรมยั่งยืน โดยกิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วย การบรรยายพิเศษ การเสวนา และการนำเสนอแนวทางการดำเนินโครงการ ทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันและเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือในอนาคต

นอกจากนี้ วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และแปลงเกษตรกรในอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องของโครงการ เพื่อเรียนรู้การใช้เครื่องจักรกลเกษตรในการจัดการเศษพืชอย่างมีประสิทธิภาพ

ดร.ภัสชญภณ กล่าวตอนท้ายว่า “การดำเนินโครงการนี้ถือเป็นการต่อยอดความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับ CSAM และ ESCAP โดยใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรกลเกษตรเป็นทางออกในการลดการเผา เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร และสร้างผลตอบแทนที่เป็นธรรมให้กับเกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญของระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงทางอาหารของประเทศ” โครงการนี้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากเศษวัสดุการเกษตร และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญทั้งในระดับประเทศและระดับโลก คาดว่าผลจากการสัมมนาครั้งนี้จะนำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบายระดับประเทศสู่การปฏิบัติ และสามารถขยายผลสู่ระดับภูมิภาคในอนาคตได้อย่างเป็นรูปธรรม

Related
แชท