
กรมวิชาการเกษตรส่งสารวัตรเกษตรจัดทัพร่วมกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามฯนำหมายค้นศาลบุกตรวจบริษัทขายสารเคมีพิกัดอ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานีหลังเกษตรกรแห่ร้องเรียน ชี้ความผิดผู้ขายไม่ผ่านการอบรม ไร้ใบอนุญาตขายวัตถุอันตราย แถมเจอสารเคมีทั้งทะเบียนหมดอายุและไม่มีทะเบียน ยึดอายัดของกลางมูลค่า 4 แสนบาทเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมาย






นายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตร สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร ว่าได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรเกี่ยวกับการจำหน่ายสารเคมีทางการเกษตรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายที่ระบาดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่าสถานที่ต้องสงสัยมีการกระทำความผิดดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีและผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีการระบุจัดจำหน่ายโดยบริษัทกรีนแพลนท์เนอร์กอล์ฟ 2556 จำกัดตั้งอยู่เลขที่ 98/184 ม.4 ต.บึงยี่โถอ.ธัญบุรีจ.ปทุมธานี จึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 2 กก.2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ร่วมกันนำหมายค้นของศาลจังหวัดธัญบุรี เพื่อตรวจค้นบริษัทกรีนแพลนท์เนอร์กอล์ฟ 2556 จำกัด






จากการเข้าตรวจค้นบริษัทดังกล่าวพบวัตถุอันตรายทางการเกษตรจำนวน 20 รายการ ผลการตรวจสอบพบว่ามีผลิตภัณฑ์จำนวน 2 รายการคือผลิตภัณฑ์สารกำจัดแมลงชื่อการค้าซีมพอสซ์ ชื่อสามัญคาร์โบซัลแฟนบรรจุในขวดแก้วสีชาขนาดบรรจุ 1,000 ซีซีจำนวน 36 ขวดและผลิตภัณฑ์สารป้องกันและกำจัดโรคพืชชื่อการค้าซิมลีเอท ชื่อสามัญฟอสอีทิล–อลูมิเนียมบรรจุในซองฟอยด์สีบร์อนขนาดบรรจุน้ำหนัก 1 กิโลกรัมจำนวน 12 ซองโดยผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 รายการไม่มีเลขทะเบียนวัตถุอันตราย ซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีความผิดตามพระราบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งยังตรวจพบผลิตภัณฑ์สารป้องกันกำจัดโรคพืชและผลิตภัณฑ์สารกำจัดแมลงจำนวน 3 รายการทะเบียนวัตถุอันตรายหมดอายุ ด้วย นอกจากนี้จากการตรวจค้นบริษัทกรีนแพลนท์เนอร์กอล์ฟ 2556 จำกัดยังพบว่าสถานที่ดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายแต่อย่างใด ซึ่งผู้ประกอบกิจการขายวัตถุอันตรายทางการเกษตรต้องได้รับอนุญาตครอบครองจากพนักงานเจ้าหน้าที่และต้องมีผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมเป็นผู้ควบคุมการขายวัตถุอันตรายทางการเกษตรหากฝ่าฝืนต้องได้รับโทษตามพ.ร.บ.วัตถุอันตรายพ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ




“เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย และผลิตภัณฑ์สินค้าที่ตรวจพบ 2 รายการไม่มีทะเบียนวัตถุอันตราย อีก 3 รายการทะเบียนวัตถุอันตรายหมดอายุ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิด ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เจ้าพนักงานชุดดังกล่าวจึงได้ร่วมกันตรวจยึดอายัดไว้ในที่เกิดเหตุเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยมูลค่าของกลางที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ประมาณ 400,000 บาท และเจ้าหน้าที่สารวัตรเกษตรได้เก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ต้องสงสัยส่งตรวจวิเคราะห์ที่ห้องปฏิบัติการกองวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตร กรมวิชาการเกษตร เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว