1. Home
  2. »
  3. ข่าวผู้บริหาร
  4. »
  5. รมว.เกษตรฯ ลงพื้นที่ พะเยา ส่งมอบปัจจัยการผลิตให้ก…

รมว.เกษตรฯ ลงพื้นที่ พะเยา ส่งมอบปัจจัยการผลิตให้กับเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ เดินหน้ายุทธศาสตร์พืชหลังนา – เกษตรคาร์บอนต่ำ ดัน “พะเยาโมเดล” ยกระดับผลผลิตถั่วเหลือง

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ลงพื้นที่จังหวัดพะเยา พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ติดตามการตรวจราชการและปฏิบัติภารกิจ ณ ที่ว่าการอำเภอจุน ตำบลห้วยข้าวก่ำ อำเภอจุน  ในโอกาสนี้ นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นางวิลาวัณย์ ใคร่ครวญ รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร พร้อมคณะผู้บริหารสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 และหน่วยงานในพื้นที่ ได้จัดกิจกรรมส่งมอบปัจจัยการผลิตให้เกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ ภายใต้โครงการสกัดการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืช เชื้อรา และการสนับสนุนพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิตเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยพิบัติ ปี 2567/2568 และการซ่อมแซมและฟื้นฟูเครื่องจักรกลเกษตรขนาดเล็กหลังน้ำท่วม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยให้เกษตรกรสามารถกลับมาประกอบอาชีพได้อย่างต่อเนื่องโดยมีการดำเนินงาน 5 กิจกรรมหลัก ได้แก่

  1. สกัดการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืชฉุกเฉิน ในพื้นที่ส้มเขียวหวานและส้มโอ ส่งมอบชีวภัณฑ์ไตรโคเดอร์มาและบาซิลลัส ซับทิลิส ให้เกษตรกร 759 ราย รวม 15,975 กิโลกรัม
  2. สนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชไร่และพืชสวน 8 ชนิด เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพดเทียน ถั่วฝักยาว และพริก ครอบคลุมพื้นที่ผลิต 800 ไร่ รองรับการเพาะปลูกได้กว่า 12,000 ไร่
  3. สนับสนุนการผลิตก้อนเชื้อเห็ดเศรษฐกิจ 404,800 ก้อน พร้อมอบรมเกษตรกร 1,100 คน และมอบโรงเรือนต้นแบบ 55 โรงเรือน คาดสร้างรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 6 ล้านบาท
  4. สนับสนุนชีวภัณฑ์ป้องกันโรคพืช ให้เกษตรกร 1,883 ราย รวม 8,882 กิโลกรัม ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,271 ไร่
  5. การซ่อมแซมและฟื้นฟูเครื่องจักรกลเกษตรขนาดเล็กหลังน้ำท่วม ตรวจสอบและซ่อมบำรุงเครื่องจักร 1,459 รายการ ของเกษตรกร 1,188 ราย ครอบคลุม 12 จังหวัด รวม 19 จุดบริการ

อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยต่อว่า รมว.เกษตรฯ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการปลูกพืชหลังนา และพัฒนาระบบการผลิตแบบคาร์บอนต่ำ เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม ลดการพึ่งพาการปลูกข้าวเพียงอย่างเดียว และช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยมอบหมายกรมวิชาการเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ประหยัดน้ำ ลดต้นทุน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

กรมวิชาการเกษตรเดินหน้าโครงการส่งเสริมการปลูกถั่วเหลืองจังหวัดพะเยาภายใต้ “พะเยาโมเดล” ตั้งเป้ายกระดับผลผลิตไม่ต่ำกว่า 400 กิโลกรัมต่อไร่ พร้อมลดการใช้น้ำตลอดฤดูปลูกเหลือเพียง 250 มิลลิเมตรต่อไร่ ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 54% และลดต้นทุนการผลิตได้ 36% ด้วยเทคโนโลยีการผลิตถั่วเหลืองคาร์บอนต่ำ ใน 8 แนวทาง ได้แก่ การใช้เมล็ดพันธุ์ดี การใช้ปุ๋ยชีวภาพไรโซเบียมร่วมกับปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน การใช้เครื่องจักรกลการเกษตร เช่น เครื่องปลูกและเครื่องเกี่ยวนวด  การจัดการน้ำระบบน้ำหยดร่วมปุ๋ยอัตโนมัติ  การใช้โดรนพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช  การใช้ชีวภัณฑ์ควบคุมศัตรูพืช  การใช้โดรนประเมินสุขภาพพืช และคู่มือการผลิตถั่วเหลืองประสิทธิภาพสูง

โดยในปี 2568 กรมวิชาการเกษตรได้จัดทำแปลงต้นแบบการผลิตถั่วเหลืองที่บ้านร่องไฮ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ผลผลิตเฉลี่ย 410 กิโลกรัมต่อไร่ สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อไร่ และเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเกษตรกร โดยการผลิตที่มีประสิทธิภาพต้องมีแหล่งน้ำและระบบพลังงานที่ดี (กรมชลประทาน) ดินอุดมสมบูรณ์ (กรมพัฒนาที่ดิน) เมล็ดพันธุ์คุณภาพ ปุ๋ยชีวภาพ และชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา และแบคทีเรียบาซิลลัส เพื่อลดโรคและการสูญเสียผลผลิตต่ำกว่า 20% พร้อมทำวิจัยร่วมเอกชน และขยายผลผ่านกรมส่งเสริมการเกษตร

กรมวิชาการเกษตรยังขยายการผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองและถั่วเขียวชั้นพันธุ์จำหน่าย ในปี 2568 โดยเกษตรกรอำเภอปง จังหวัดพะเยา ผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเขียวชั้นพันธุ์จำหน่ายจำนวน 100 ไร่ สร้างรายได้กว่า 10,000 บาทต่อไร่ และมีแผนขยายพื้นที่ในฤดูแล้งปี 2569 ไปยังพื้นที่อื่นใน จ.พะเยาอีกไม่น้อยกว่า 300 ไร่ เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพ 150 ตัน สร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชนกว่า 4 ล้านบาท และเพิ่มรายได้เกษตรกร 25% เมื่อเทียบกับการปลูกทั่วไป

ในส่วนของการพัฒนาอาชีพเสริม กรมวิชาการเกษตรได้นำเห็ดสายพันธุ์ดี ได้แก่ เห็ดขอนขาว เห็ดนางรมเทา เห็ดนางฟ้าภูฎาน และเห็ดโคนน้อย มาจัดทำโรงเรือนต้นแบบเพื่อให้เกษตรกรผลิตก้อนเห็ดไว้ใช้เอง ครัวเรือนละ 2,000 ก้อน ซึ่งจะสร้างรายได้ประมาณ 42,000 บาทต่อครัวเรือน พร้อมทั้งมีการอบรมการแปรรูปผลผลิตเป็นแหนมเห็ด เพื่อลดการสูญเสียและยืดอายุการบริโภคของเห็ดให้ยาวนานขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรสามารถสร้างรายได้เพิ่มเป็น 52,000 บาทต่อครัวเรือน

Related
แชท