เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 ณ ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานอธิบดีกรมวิชาการเกษตร สามหน่วยงานหลักด้านเกษตรและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ กรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว และ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ผนึกกำลังหารือแนวทางความร่วมมือ “ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตร” โดยเฉพาะใน “นาข้าว” ซึ่งเป็นแหล่งปล่อยก๊าซมีเทนสำคัญของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนให้สอดคล้องกับ นโยบายรัฐบาลและนโยบายของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่ง “เกษตรเพื่อสิ่งแวดล้อม เกษตรลดโลกร้อน และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร” โดยทั้งสามหน่วยงานจะร่วมกันขับเคลื่อนเชิงรุก จัดทำ “ต้นแบบความร่วมมือเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตร” โดยเริ่มจากพืชเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ข้าว ทุเรียน อ้อย และปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นกลุ่มพืชที่มีศักยภาพสูงในการลดการปล่อยคาร์บอนและเข้าสู่ระบบคาร์บอนเครดิต
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้ประกาศนโยบาย “เกษตร BCG เพื่อโลกยั่งยืน” (Bio-Circular-Green Economy) มุ่งส่งเสริมการผลิตที่ลดการปล่อยคาร์บอน ควบคู่กับการสร้างรายได้ใหม่ให้เกษตรกรจาก คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) และ เศรษฐกิจสีเขียวในชนบท
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ภาคการเกษตรถือเป็นภาคส่วนสำคัญที่ต้องเร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ตามเป้าหมายของประเทศ โดยกรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในพืชเศรษฐกิจหลายชนิด พร้อมทั้งจัดทำโครงการต้นแบบเพื่อรับรองคาร์บอนเครดิตภาคเกษตรตามมาตรฐาน T-VER ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) อีกทั้งกรมยังได้รับการรับรองเป็น หน่วยตรวจประเมินภายนอก (Validation and Verification Body: VVB) ซึ่งปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรเป็นผู้ตรวจประเมินแล้วจำนวน 4 ราย และอยู่ระหว่างพัฒนาผู้ตรวจอีกกว่า 30 ราย ซึ่งถือเป็นการยกระดับบทบาทของภาครัฐให้สามารถสนับสนุนเกษตรกรในการเข้าสู่ระบบคาร์บอนเครดิตได้อย่างครบวงจร ตามแนวทางเพิ่มรายได้ ลดต้นทุน ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม อีกทั้ง อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ยังให้เพิ่มเติม ทุเรียน มะม่วง อ้อย และปาล์มน้ำมัน เป็นพืชนำร่องด้วย
ด้านนายอานนท์ นนทรี อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า ข้าวเป็นพืชหลักที่มีส่วนสำคัญต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะก๊าซมีเทนจากนาข้าว การดำเนินงานของกรมการข้าวในช่วงที่ผ่านมาได้เน้นส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง (AWD) และการลดใช้ปุ๋ยเคมี ซึ่งนอกจากจะช่วยลดก๊าซมีเทนและไนตรัสออกไซด์แล้ว ยังลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มคุณภาพข้าวตามแนวทางมาตรฐานสินค้าเกษตร ข้าวยั่งยืน มกษ.4408-2565
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้อำนวยการ อบก. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน อบก. ได้จัดทำระเบียบวิธีคำนวณการลดก๊าซเรือนกระจกสำหรับนาข้าวในรูปแบบ Premium T-VER ซึ่งสามารถสร้างรายได้เสริมให้เกษตรกรจากการขายคาร์บอนเครดิตได้โดยตรง ถือเป็นแรงจูงใจสำคัญให้เกษตรกรหันมาปรับระบบการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่เน้นให้กระทรวงเกษตรฯ “เพิ่มรายได้ ลดต้นทุน และลดคาร์บอน” พร้อมผลักดัน “Smart Farmer – Smart Carbon – Smart Economy” เพื่อให้เกษตรกรไทยอยู่รอดได้อย่างมั่นคงภายใต้เศรษฐกิจสีเขียว ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็น “หมุดหมายสำคัญ” ของการเกษตรไทยในยุคเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดโลกร้อน แต่ยังสร้างรายได้ใหม่ เพิ่มขีดความสามารถของเกษตรกรไทย และตอบโจทย์เป้าหมาย BCG Model ที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี


















Users Today : 542
Views Today : 1397
Who's Online : 8
