Skip to content
  1. Home
  2. »
  3. ข่าวผู้บริหาร
  4. »
  5. การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการส่งเสริมการผลิ…

การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการส่งเสริมการผลิตกาแฟคุณภาพ การวิจัย และพัฒนาตลอดห่วงโซ่อุปทานกาแฟอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประธานในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการส่งเสริมการผลิตกาแฟคุณภาพ การวิจัย และพัฒนาตลอดห่วงโซ่อุปทานกาแฟอย่างยั่งยืน ในโอกาสนี้ นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 36 หน่วยงาน ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ

ภายใต้กรอบ MOU มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐและเอกชน เพื่อกำกับติดตามผลการดำเนินงาน พร้อมตั้งเป้าหมายพัฒนาเกษตรกรกว่า 12,000 ครัวเรือน เข้าสู่ระบบกาแฟคุณภาพภายใน 3 ปี โดยนำร่องในพื้นที่ 1,000 ไร่ ผลักดัน “กาแฟไทย” ให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจสีเขียวที่เป็นธรรม และมีขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกอย่างแท้จริง

ในปี 2568 ซึ่งเป็นปีมหามงคลที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมมายุ 70 พรรษา กรมวิชาการเกษตร ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ สมาคม และภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจกาแฟ จัดการประกวดสุดยอดกาแฟไทย ปี 2568 (Thai Coffee Excellence 2025) เพื่อสร้างการรับรู้อัตลักษณ์กาแฟไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในระดับประเทศ และระดับสากล ทั้งนี้การประกวดสุดยอดกาแฟไทยเป็นการดำเนินการตามยุทธศาสตร์กาแฟแห่งชาติ เพื่อเป็นการสร้างรายได้ ให้แก่เกษตรกร ผู้ปลูกกาแฟ เพิ่มพื้นที่ปลูกกาแฟโดยปรับเปลี่ยนจากการปลูกพื้นเดิม เช่น ข้าวโพด เป็นกาแฟ และส่งเสริมให้เกิดการแปรรูปกาแฟที่มีคุณภาพ การประกวดมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของเกษตรกต้นน้ำ ผู้ปลูกกาแฟ ให้มีความรู้และทักษะในการปลูกกาแฟที่มีคุณภาพและการผลิตแบบยั่งยืน โดยการปลูกร่วมกับป่า เพิ่มพื้นที่สีเขียว ช่วยลดปัญหาหมอกควัน หรือ PM 2.5 และพัฒนาการผลิตกาแฟตลอดห่วงโซ่ ซึ่งมีการประกวด 2 ประเภท คือการประกวดเมล็ดกาแฟ และการประกวดการปฏิบัติการเกษตรที่ดีสำหรับสวนกาแฟเพื่อความยั่งยืนตามหลักการเกษตรเชิงฟื้นฟู (GAP & Regenerative) ซึ่งผู้ชนะรางวัลที่ 1 ในแต่ละสาขา จะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมเงินรางวัล 100,000 บาท

โดยภาพรวมการตลาดของกาแฟไทย ความต้องการใช้เมล็ดกาแฟของโรงงานในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ความต้องการใช้เมล็ดกาแฟของโรงงานแปรรูปเพิ่มขึ้นจาก 80,691 ตัน ในปี 2562/62 เป็น 93,551 ตัน ในปี 2565/66 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.06 ต่อปี และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงแนวโน้มการเติบโตโดยเฉพาะกลุ่มกาแฟสดและกาแฟพิเศษ สะท้อนถึงรสนิยมของผู้บริโภคที่ซับซ้อน และต้องการประสบการณ์ที่หลากหลายมากขึ้น อุตสาหกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งรายได้สำคัญสำหรับเกษตรกรและผู้ประกอบการ แต่ยังเป็นกลไกขับเคลื่อนการท่องเที่ยวและส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านแนวทางการเพาะปลูกอย่างยั่งยืน รวมถึงกาแฟไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ เช่น การผลิตที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศซึ่งนำไปสู่การพึ่งพาการนำเข้าอย่างมาก

กรมวิชาการเกษตรมองเห็นศักยภาพของกาแฟไทย พืชอนาคตไกล ดำเนินการ Kick Off กาแฟล้านต้น ขยาย กาแฟพันธุ์ดีของกรมวิชาการเกษตร ให้มีปริมาณเพียงพอรองรับการขยายพื้นที่ปลูก เพิ่มปริมาณการผลิตกาแฟในประเทศ ในปี 2568 กรมวิชาการเกษตร ผลิตต้นกล้ากาแฟอะราบิกา (พันธุ์ กวก. เชียงใหม่ 80 กวก. เชียงใหม่ 1 กวก.เชียงราย 1 และ กวก.เชียงราย 2 และ ผลิตต้นกล้ากาแฟ โรบัสตา พันธุ์ กวก. ชุมพร 2 พันธุ์พื้นเมือง 84-4 และพันธุ์พื้นเมือง 84-5 มียอดผลิตกาแฟ สำหรับแจกจ่ายรวม 200,000 ต้น และจะทำการเตรียมกล้าพันธุ์ บำรุงรักษา กล้าพันธุ์ให้พร้อมแจกจ่ายอย่างต่อเนื่อง จนครบจำนวน 1 ล้านต้น เกษตรกรที่สนใจสามารถขอรับต้นกล้ากาแฟพันธุ์ดีได้ ที่หน่วยงาน กรมวิชาการเกษตรในพื้นที่

Related
แชท