เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ดร.ภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ร่วมประชุมติดตามงานความร่วมมือระหว่างกรมวิชาการเกษตรกับสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ณ ห้องราชพฤกษ์ 2 อุทยานหลวงราชพฤกษ์ และแปลงเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ อำเภอเทพเสด็จ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับฟังผลการดำเนินงานด้านงานวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์ ปัจจัยการผลิตการพัฒนาและส่งเสริมพืชเศรษฐกิจที่สำคัญบนพื้นที่สูง และการพัฒนาส่งเสริมมาตรฐานอาหารปลอดภัยและการลดการใช้สารเคมี (GAP และเกษตรอินทรีย์)
กรมวิชาการเกษตรและสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ได้มีการทำข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือของทั้ง 2 หน่วยงาน หลายๆ ด้าน ดังนี้
กรมวิชาการเกษตรได้ขึ้นทะเบียนปัจจัยการผลิตชีวภัณฑ์ของโครงการหลวงจำนวน 5 รายการ ได้แก่ 1) ฟีโรโมนด้วงหมัดผัก (Allyl Isothiocyanate) 2) บาซิลลัส อะไมโลลิเคอฟาเซียน (บี 10-อาร์) 3) ไตรโคเดอร์มา แอสเพอร์เรียลลัม (ไตรโคอาร์) 4) ฟีโรแมลงวันแตง (คิว-ลัวร์; Cue-lure) 5) บูเวเรีย บัสเซียน่า (เบ๊บ-อาร์)
การพัฒนาและส่งเสริมพืชเศรษฐกิจที่สำคัญบนพื้นที่สูง ดำเนินงานโครงการศึกษาอัตลักษณ์กาแฟสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เพื่อนำไปใช้ประกอบการขอขึ้นทะเบียน GI การสนับสนุนต้นกล้ากาแฟอะราบิกาพันธุ์เชียงราย 1 จำนวน 5,000 ต้น และเชียงราย 2 จำนวน 12,600 ต้น รวม 17,600 ต้น ให้แก่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง จำนวน 8 แห่ง
นอกนี้ยังมีการดำเนินการ โครงการส่งเสริมการจัดการเพื่อลดปัญหาฝุ่น PM2.5 สำหรับภาคเกษตรอย่างยั่งยืน ภายใต้มาตรฐานการผลิตพืช และโครงการการปรับใช้ระบบการปลูกพืชและเทคโนโลยีการจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรในพื้นที่สูงจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อลดปัญหา PM2.5 ตามแนวทาง 3R ปรับเปลี่ยนการปลูกพืชชนิดอื่น ๆ ทดแทนการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 7 หมู่บ้าน รวม 61 ราย ชนิดพืชที่นำไปปรับเปลี่ยนได้แก่ กาแฟ อะโวกาโด และมะคาเดเมีย ฯลฯ
การตรวจรับรองแหล่งผลิต GAP ข้าวโพดเมล็ดแห้ง ตามมาตรฐาน มกษ. 4402-2553 ให้แก่เกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ สวพส. ในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 1,472 แปลง 932 ราย 14,633 ไร่ และให้การรับรองการปลูกข้าวโพดเมล็ดแห้งแบบไม่เผา (PM2.5 Free Plus) ทั้งหมด จำนวน 585 ราย 720 แปลง 8,125 ไร่ รวมถึงการส่งเสริมมาตรฐานอาหารปลอดภัยและการลดการใช้สารเคมี (GAP และเกษตรอินทรีย์) การให้การรับรองแปลง GAP ให้แก่เกษตรกร สวพส. ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดพะเยา จำนวน 4,200 แปลง 2,144 ราย 16,652 ไร่ และมีการตรวจรับรองแหล่งผลิต GAP พืช กาแฟ มูลนิธิโครงการหลวงและสวพส. พื้นที่ภาคเหนือตอนบน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา จังหวัดน่าน จังหวัดตาก จังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้การรับรองทั้งหมดจำนวน 3,693 แปลง จำนวน 4,687 ราย พื้นที่รับรอง จำนวน 38,554 ไร่ ส่วนการตรวจรับรองแหล่งผลิตพืชอินทรีย์ สวพส. ให้การรับรองในเขตพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงราย และจังหวัดน่าน ให้การรับรองทั้งหมดจำนวน 443 แปลง พื้นที่การรับรอง จำนวน 4,175 ไร่
ทั้งนี้กรมวิชาการเกษตร สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) และสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) (สวก.) ได้มีการหารือเรื่องแผนการผลิตต้นกล้ากาแฟอะราบิกาของหน่วยงานกรมวิชาการเกษตร ให้สอดคล้องกับความต้องการต้นกล้ากาแฟอะราบิกาของสวพส. รวมทั้งพืชเศรษฐกิจหรือพืชทางเลือกใหม่ชนิดอื่นๆ อาทิ การปลูกมะคาเดเมีย และจัดทำ แผนพัฒนายกระดับกาแฟไทยให้เป็นกาแฟพิเศษมาตรฐานสากล การเพิ่มพื้นที่ปลูกลดการนำเข้า รวมทั้งการขยาย ความร่วมมือ ปี 2569 ในการพัฒนาการปลูก กาแฟโรบัสต้า มะคาเดเมีย อโวกาโด และโกโก้ ต่อไป








