ตามนโยบายรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ประกาศ “สงคราม” กับสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย เพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและเกษตรกร โดยมีนโยบายและมาตรการสำคัญ เช่น การก่อตั้ง หน่วยเฉพาะกิจพญานาคราช (ฉก.พญานาคราช) เพื่อปราบปราม บูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงกฎหมายและบทลงโทษให้เข้มข้นขึ้น การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย และการตรวจสอบสต็อกสินค้า
ทีม ฉก.พญานาคราช ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (กก.2 บก.ปคบ.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ตรวจยึดจับกุมผลไม้นำเข้าจากต่างประเทศ น้ำหนักรวม 12,018.5 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 2,895,425 บาท
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร และนายชัยศักดิ์ รินเกลื่อน ผู้อำนวยการสำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร ได้รับแจ้งการตรวจยึดจับกุมผลไม้นำเข้าจากต่างประเทศ โดย เจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชประจวบคีรีขันธ์ ด่านกักกันสัตว์เพชรบุรี ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เข้าตรวจสอบรถบรรทุกตู้แช่เย็น ที่บริเวณสถานีบริการน้ำมัน ปตท. แยกหุบกะพง ถ.เลียบเมืองชะอำ-ปราณบุรี ขาเข้ากรุงเทพฯ ต. เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งสงสัยว่าอาจเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าตามกฎหมายกักพืช จากการเข้าตรวจสอบ พบสินค้าที่มีการลักลอบนำเข้ามา เป็นผลไม้ประเภทอะโวคาโด น้ำหนัก 3,261.5 กิโลกรัม มูลค่า 1,793,825 บาท ส้ม น้ำหนัก 7,980 กิโลกรัม มูลค่า 957,600 บาท ลูกแพร์ น้ำหนัก 625 กิโลกรัม มูลค่า 125,000 บาท และทับทิม น้ำหนัก 152 กิโลกรัม มูลค่า 19,000 บาท น้ำหนักรวม 12,018.5 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่า 2,895,425 บาท
ซึ่งผลไม้ดังกล่าวนั้น จัดเป็นสิ่งต้องห้ามตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดพืช และพาหะจากแหล่งที่กำหนด เป็นสิ่งต้องห้าม ข้อยกเว้น และเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2550 ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาในราชอาณาจักรตามมาตรา 8 (2) แห่งพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ดำเนินอายัดสินค้าดังกล่าว เพื่อส่งกลับหรือทำลาย พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาการลักลอบนำเข้า ซึ่งมีการกระทำความผิด ดังต่อไปนี้ มีความผิดตาม พ.ร.บ.กักพืช มาตรา 8 (2) มาตรา 10 โทษตามมาตรา 21 รายละเอียดดงนี้ มาตรา 8 บุคคลใดนําเข้า หรือนําผ่านซึ่งสิ่งต้องห้ามต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีและต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้ การนําเข้า หรือนําผ่านเพื่อการค้า หรือเพื่อกิจการอื่นตามที่อธิบดีประกาศ กำหนดโดยคำแนะนําของคณะกรรมการ จะต้องมีใบรับรองสุขอนามัยพืชกำกับมาด้วย และต้องผ่านการวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืช และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด มาตรา 10 การนําเข้า หรือนําผ่านซึ่งสิ่งต้องห้ามหรือสิ่งกํากัดนั้น จะต้องนําเข้า หรือนําผ่านทางด่านตรวจพืชเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจ และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด โดยคำแนะนําของคณะกรรมการโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา มาตรา 21 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 8 มาตรา 10 มาตรา 15 ทวิวรรคสองหรือมาตรา 15 ฉ หรือฝ่าฝืนมาตรา 14 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางดังกล่าวส่งมอบและดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร เลขที่ 50 ตึกก่านชลวิจารณ์ ถ.พหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตพหลโยธิน กรุงเทพฯ 10900 โทร. 0 2940 6670 ต่อ 126 อีเมล technical_ard@hotmail.com

















Users Today : 317
Views Today : 714
Who's Online : 16
