นายภัสชญภณ หมื่นแจ้ง รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ในฐานะโฆษกกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า เพื่อสร้างรายได้ สร้างโอกาส และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้เกษตรกรไทย ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 จังหวัดขอนแก่น ดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรอัตลักษณ์ผ้าฝ้ายและผ้าย้อมครามพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน โดยให้นำผลงานวิจัยการผลิตฝ้ายพันธุ์ดีที่มีเอกลักษณ์ของศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ ได้แก่ ฝ้ายเส้นใสสีน้ำตาล พันธุ์ตากฟ้า 3 พันธุ์ตากฟ้า 6 และพันธุ์ตากฟ้า 8 ฝ้ายเส้นใยยาวสีขาว พันธุ์ตากฟ้า 2 พันธุ์ตากฟ้า 7 และพันธุ์ตากฟ้า 84-4 ฝ้ายเส้นใยสีเขียวพันธุ์ตากฟ้า 86-5 พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีการผลิตครามที่ให้ปริมาณและคุณภาพเนื้อครามสูง ของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสกลนคร มาขยายผลต่อยอดในพื้นที่เพื่อให้เกษตรกรนำไปปลูกและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรอัตลักษณ์


นายไกรสิงห์ ชูดี ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่าคณะนักวิจัยสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 และศูนย์เครือข่ายในจังหวัดต่าง ๆได้นำพันธุ์ฝ้ายพันธุ์ดี ทั้ง 7 พันธุ์ เทคโนโลยีการผลิตฝ้ายและคราม รวมถึงการแปรรูปฝ้ายและครามไปถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกฝ้ายและครามในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน โดยการสร้างชุมชนต้นแบบในโครงการ “เทคโนโลยีการผลิตฝ้ายและคราม เสริมสร้างอัตลักษณ์ผ้าทอมืออีสาน สร้างสรรค์เศรษฐกิจชุมชน” จำนวน 15 กลุ่ม สมาชิกกว่า 639 ราย ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม หนองคาย มุกดาหาร เลย สกลนคร หนองบัวลำภู และอุดรธานี ทำให้แต่ละกลุ่มมีเงินหมุนเวียนตั้งแต่ 1,100-300,000 บาทต่อปี นอกจากนี้ ยังถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านกิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ผลิตและ
กลุ่มผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์จากฝ้ายและครามอีกจำนวน 100 รายด้วย




ทั้งนี้ เกษตรกรในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนให้ความสนใจพันธุ์ฝ้ายเส้นใยสีน้ำตาล สีเขียว และสีขาวของกรมวิชาการเกษตร ด้วยมีคุณลักษณะที่โดดเด่น คือ ฝ้ายเส้นใยสีน้ำตาลและสีเขียว ไม่ต้องย้อมสี เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถนำไปทอเป็นผืนผ้าได้ทันทีทั้งแบบสีพื้นและแบบสลับสีส่วนฝ้ายเส้นใยสีขาว จะได้เส้นใยที่มีคุณภาพเหมาะสำหรับทำผ้าทอย้อมสีธรรมชาติ เช่น สีคราม สีเปลือกไม้ และสีหินธรรมชาติ มีกรรมวิธีขั้นตอนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ได้ผ้าทอย้อมสีธรรมชาติที่เป็น อัตลักษณ์เฉพาะถิ่น



“สำหรับครามสามารถผลิตเป็นเนื้อครามที่ใช้ย้อมสีผ้าฝ้ายไว้จำหน่ายโดยสามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ อาทิ เสื้อ ผ้าถุง ผ้าคลุมไหล่ ผ้าห่ม ผ้าพันคอ หมวก กระเป๋า ปลอกหมอน และผ้าปูที่นอน ส่งผลให้เกษตรกรสามารถสร้างอาชีพเป็นรายได้หลักให้กับตนเองได้ และเกิดชุมชนต้นแบบเทคโนโลยีผลิตฝ้ายพันธุ์ดีและคราม สร้างรายได้สินค้าเกษตรอัตลักษณ์ผ้าทอมืออีสานกว่า 3 แสนบาทต่อปี ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 โทรศัพท์ 0 4320 3500 หรือศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนทั้ง 8 ศูนย์” นายไกรสิงห์กล่าว