นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า จากนโยบายของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตร ในการขับเคลื่อนเทคโนโลยี Gene Editing ก้าวแรกของการปฏิรูปเกษตรกรรมไทย ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยระดับโลก กรมวิชาการเกษตร ร่วมกับสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) และภาคีเครือข่าย จัดพิธี “Kick-off ความร่วมมือวิจัย Gene Editing เพื่อเกษตรไทย” เดินหน้าขับเคลื่อนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ Gene Editing หรือ GEd ในการแก้ไข หรือปรับแต่งยีนให้มีความแข็งแรงสมบูรณ์ ต้านทานศัตรูพืช มีคุณค่าทางโภชนาการเพิ่มขึ้น ผลผลิตสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตลดลง ที่สำคัญเทคโนโลยี GEd ไม่มียีนถ่ายฝากจากสิ่งมีชีวิตอื่น ไม่จัดว่าเป็นพืชดัดแปลงพันธุกรรม หรือ GMOs มีความปลอดภัยสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และกลุ่มประเทศ EU เทคโนโลยีนี้จะเป็นการยกระดับการเกษตรไทยสู่ความมั่นคงทางอาหาร ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และการแข่งขันในระดับโลก

การขับเคลื่อน Gene Editing ของประเทศไทยมีจุดเริ่มจากการประกาศเจตจำนงของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ที่ผลักดันให้เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นวาระด้านนโยบายการเกษตรที่สำคัญ ต่อมา วันที่ 11 กรกฎาคม 2567 กระทรวงเกษตรฯ ได้ออกประกาศรับรองสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยี GEd อย่างเป็นทางการ และต่อเนื่องด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์การรับรองสำหรับพืช สัตว์ และสัตว์น้ำ โดยกรมวิชาการเกษตร กรมปศุสัตว์ และกรมประมง ออกประกาศ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การรับรองพืช สัตว์ และสัตว์น้ำ ที่พัฒนาจากเทคโนโลยีการปรับแต่งจีโนม ในวันที่ 9 สิงหาคม 2567, 29 ตุลาคม 2567 และ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ตามลำดับ นี่คือก้าวแรกที่ปูทางสู่การเปลี่ยนโฉมเกษตรไทยด้วยวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม กรมวิชาการเกษตรจึงได้สานต่อนโยบาย โดยศึกษาและพัฒนากฎระเบียบให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล กำหนดหลักเกณฑ์การรับรองพืชที่พัฒนาด้วย Genome Editing และจัดทำระบบตรวจสอบที่โปร่งใสและเชื่อถือได้


อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวต่อว่า ไทยไม่ควรเป็นเพียง ผู้รับเทคโนโลยี แต่ต้องเป็น ผู้นำModern Biotechnology มาสร้างนวัตกรรมของประเทศ สำหรับปี 2568 กรมวิชาการเกษตรได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (สวก.) เพื่อขับเคลื่อนโครงการวิจัย Gene Editing การค้นหายีนสำคัญ การปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพด ถั่วเหลือง มันสำปะหลัง ข้าว อ้อย มะเขือเทศ เห็ดแครง และเห็ดฟาง ตลอดจนพัฒนาศักยภาพการรับรองพันธุ์พืช พร้อมตั้งเป้าหมายที่ท้าทายในการรับรองพันธุ์ ลงแปลงปลูกทดสอบในปี 2569 โดยนำร่องด้วยมะละกอต้านทานไวรัสจุดวงแหวน มะเขือเทศ และฟ้าทะลายโจรสารสำคัญสูง ด้วยความร่วมมือภาคีเครือข่ายวิจัยชั้นนำของประเทศ อาทิ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ กรมการข้าว ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) และ SynBioConsortium




อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวในตอนท้ายว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการต่อยอดนโยบายจากปี 2566 ให้เป็นรูปธรรมในปี 2568 เท่านั้น แต่ยังถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของภาคเกษตรกรรมไทยที่จะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ยุคที่เกษตรกรสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Gene Editing ได้จริง ไม่ต้องรอการนำเข้าพันธุ์จากต่างประเทศ ไม่ต้องพึ่งสารเคมีมากมาย พืชผลไทยจะมีความทนทานต่อโรค ให้ผลผลิตสูงขึ้น ตอบโจทย์ตลาดโลก ทั้งด้านคุณภาพและความปลอดภัย และที่สำคัญ เทคโนโลยีนี้ยังส่งเสริมการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดภาระต้นทุนในระยะยาว นี่คือจุดเริ่มของการปฏิรูปภาคเกษตรอย่างยั่งยืน ที่จะสร้างทั้ง ‘โอกาส’ และ ‘ความมั่นคง’ ให้กับเกษตรกรไทยในทุกระดับอย่างแท้จริง”